
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน สำนักข่าว Popular News Journal สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารพม่า รายงานว่าที่เมืองพะอัน รัฐกะเหรี่ยง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หลาย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ในฐานะรองประธานาธิบดีรักษาการ และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ ได้กล่าวระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐระดับภูมิภาคและผู้นำชุมชนท้องถิ่นว่า พม่าจะดำเนินระบบสหพันธรัฐที่อิงตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ไม่ใช่ระบบที่อิงตามประชาชน
ผู้นำทหารพม่ากล่าวว่า หากมีการดำเนินโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำฮัตจี ในพื้นที่พะอัน ซึ่งเคยมีการวางแผนไว้ในอดีต ก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำล้นตลิ่งได้ในช่วงที่ภาคเหนือมีฝนตกหนักและช่วงที่ระดับน้ำสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำท่วมและน้ำล้นตลิ่งบ่อยครั้ง
อนึ่ง โครงการเขื่อนฮัตจี (Hat Gyi dam project) เป็นโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ กำลังผลิตติดตั้ง 1,360 เมกกะวัตต์ จะสร้างกั้นแม่น้ำสาละวิน ในรัฐกะเหรี่ยง ท้ายน้ำจากบ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 47 กิโลเมตร เดิมเป็นโครงการที่จะร่วมทุนโดยบริษัทกฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทจีน Sinohydro และชะลอไปในช่วงประมาณปี 2551 หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในขณะนั้นได้มีรายงานถึงนายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาผลกระทบ ซึ่งโครงการเขื่อนฮัตจีถูกประชาชนในพื้นที่ได้คัดค้านมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี เนื่องจากเป็นที่ที่มีการสู้รบ และมีประชาชนผู้พลัดถิ่นหนีภัยสงครามอาศัยอยู่ และอ่างเก็บน้ำจะทำให้น้ำสาละวินท่วมมาถึงบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย
นส.เพียรพร ดีเทศน์ กรรมการบริหารมูลนิธิแม่น้ำและสิทธิ Rivers and Rights และเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา กล่าวว่าการที่ผู้นำทหารพม่าหยิบโครงการเก่าแก่โบราณอย่างเขื่อนฮัตจีขึ้นมาปัดฝุ่นอีกถือว่าเป็นการหลงยุค เพราะทราบกันดีว่าเขื่อนเป็นนวตกรรมโบราณที่ทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม และโครงการเขื่อนนี้จะส่งผลกระทบข้ามพรมแดน น้ำจะท่วมมาถึงเขตประเทศไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้มีการตรวจพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน ในแม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทยพม่า ซึ่งคาดว่าแหล่งกำเนิดมลพิษมาจากเหมืองนอกกฎหมายจำนวนมากในลุ่มน้ำสาละวินตอนบน ในพม่า โดยเฉพาะจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ทกว่า 26 แห่งในเมืองป๊อก ใกล้ชายแดนจีนในเขตอิทธิพลของกองกำลังว้า UWSA และเป็นที่ทราบกันว่าเหมืองเหล่านี้ลงทุนโดยบริษัทและบุคคลจากจีน หากมีการสร้างเขื่อนกั้นก็ย่อมจะทำให้แม่น้ำไหลช้าลงและอาจจะกลายเป็นอ่างสะสมตะกอนพิษ สร้างผลกระทบที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น



