Search

หวั่นรัฐบาลทหารพม่าใช้ประเด็นปราบสแกมเมอร์เป็นช่องทางสร้างความชอบธรรม-ใช้ความรุนแรงกับประชาชนมากขึ้น KNU ออกแถลงการณ์แนะจัดการต้นตอ-เผยอาชญากรข้ามชาติรู้ล่วงหน้าหนีออกไปก่อนแล้ว

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 สหภาพชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลังบ้านของเรา ทั้งในเมืองใหญ่ของเมียนมา พื้นที่ชายแดน และทั่วทั้งภูมิภาค เรามีความกังวลอย่างลึกซึ้งว่ามีผู้คนและครอบครัวหลายหมื่นรายทั่วโลกได้รับผลกระทบทั้งด้านอารมณ์ การเงิน และร่างกาย

แถลงการณ์ระบุว่า KNUเชื่ออย่างมั่นคงว่า การรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความซับซ้อนสูง ฝังรากลึก และขยายตัวกว้างไกลเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว ภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง และความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น KNUจึงขอให้คำมั่นที่จะเข้าร่วมในความพยายามระดับนานาชาติที่จัดตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อปราบปรามปฏิบัติการหลอกลวงและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งแถลงการณ์ของรัฐบาลไทยในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ในการเป็นผู้นำริเริ่มต่อต้านนักต้มตุ๋น ปกป้องความมั่นคงของภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคี รวมถึงข้อเสนอของไทยในการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข่าวกรองและปฏิบัติการร่วมปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ การจัดตั้ง “Scam Center Strike Force” โดยสหรัฐอเมริกา และความพยายามของทีม Strike Force Burma ที่ร่วมมือกับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจไทย (War Room Task Force) เพื่อดำเนินการปราบปรามศูนย์หลอกลวงในเมียนมา ข้อตกลงของ 6 ประเทศลุ่มน้ำโขง–ล้านช้าง (จีน กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม)

แถลงการณ์ของ KNU ระบุว่าอย่างไรก็ตาม ในกรณีการปราบปรามขบวนการหลอกลวงในเมียนมา มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวและเกิดผลกระทบด้านลบต่อประชาชน หากการรณรงค์ของนานาชาติมุ่งยึดเฉพาะแนวทางที่ “รัฐเป็นศูนย์กลาง” โดยร่วมมือกับกองทัพเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแสดงหลักที่สนับสนุนและได้รับประโยชน์จากปฏิบัติการหลอกลวงในประเทศ นอกจากนี้ เรายังกังวลอย่างยิ่งว่ากองทัพเผด็จการเมียนมาจะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือด้านการปราบปรามขบวนการหลอกลวงเพื่อขยายช่องทางทางการทูต แสวงหาความชอบธรรม และสร้างข้ออ้างเพื่อใช้ความรุนแรงต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น

“เรายังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผู้คนจำนวนมากที่หลบหนีออกจากปฏิบัติการหลอกลวงใน KK Park เข้าสู่พื้นที่ภายใต้การบริหารของเรา โดยเฉพาะเขตดูปลายาและพะอัน หลังจากการปราบปรามร่วมกันของกองทัพเมียนมาและกองกำลังกะเหรี่ยง BGF โดยใช้กำลัง ผู้หลบหนีหลายรายดูเหมือนจะเป็นแรงงานบังคับหรือเจ้าหน้าที่ระดับล่างในกระบวนการหลอกลวง เราเกรงว่าความพยายามปราบปรามที่หละหลวมและวางแผนไม่รอบคอบจะสร้างความโกลาหลและความไม่มั่นคงมากยิ่งขึ้นในพื้นที่ชายแดน โดยไม่ได้จัดการกับต้นตอของปัญหา เนื่องจากแกนนำอาชญากรรมได้ย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยล่วงหน้าแล้ว”แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ของ KNU ระบุด้วยว่า KNUขอยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่และกระตือรือร้นกับความพยายามทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติในการต่อสู้และขจัดเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติ โดย KNU ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจระดับสูง พร้อมหน่วยปฏิบัติการบนภาคพื้นดินเพื่อสนับสนุนและร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไทย หน่วยงานนานาชาติ และองค์กรต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

“ผู้คนจำนวนมากที่ติดอยู่ในศูนย์หลอกลวงหรือกำลังหลบหนีออกมา รวมถึงชาวเมียนมา แรงงานข้ามชาติในภูมิภาค และชาวต่างชาติ ต้องการความช่วยเหลือแบบบูรณาการในการช่วยชีวิต การพิสูจน์ตัวตน และการส่งกลับประเทศอย่างปลอดภัย KNU ขอรับและยินดีต่อการสนับสนุนเชิงเทคนิค คำแนะนำ และคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ KNUเรียกร้องอย่างจริงใจให้คณะทูตในภูมิภาคร่วมมือกับผู้มีบทบาทที่ไม่ใช่รัฐ หรือกลุ่มต่อต้านเผด็จการที่มีโครงสร้างการบริหาร รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมการปกป้องเหยื่อการค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์จากศูนย์หลอกลวง นอกจากนี้ KNU ยังเรียกร้องให้เพิ่มการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน รวมถึงที่พักพิง บริการฉุกเฉิน และมาตรการคุ้มครองสำหรับผู้ลี้ภัยจากการบังคับหรือสภาพการทำงานที่ละเมิด”แถลงการณ์ระบุ

On Key

Related Posts

หวั่นรัฐบาลทหารพม่าใช้ประเด็นปราบสแกมเมอร์เป็นช่องทางสร้างความชอบธรรม-ใช้ความรุนแรงกับประชาชนมากขึ้น KNU ออกแถลงการณ์แนะจัดการต้นตอ-เผยอาชญากรข้ามชาติรู้ล่วงหน้าหนีออกไปก่อนแล้ว