Search

สส.ปชน.จี้รัฐสอบต่อส่วยสัญชาติให้ถึงตัวการใหญ่-แนะ มท.1เร่งกระบวนการให้สัญชาติผู้เฒ่าอยู่ไทยมานานก่อนเกิดการทุจริต “อนุทิน”เผยขยายผลเชื่อมโยงขบวนการ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงปฏิบัติการทลายทุจริตส่วยสัญชาติของรัฐบาลว่า มีร่วมกันหลายฝ่าย เรื่องนี้ต้องชื่นชม แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งจริงๆ แล้วอย่างที่เราทราบว่ามันมีมากกว่านี้ ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องเรียนเยอะมากทั้งเชียงราย เชียงใหม่ และที่อื่นๆ แต่ชาวบ้านไม่มีหลักฐาน มีแค่แจ้งว่าจ่ายเงินให้กับผู้ใหญ่บ้าน ให้ผู้ช่วย ให้กับตัวแทน ซึ่งตนเองเคยไปที่อำเภอก็ไม่พบว่ามีหลักฐานใดๆ

“สำหรับชาวบ้านที่พอมีหลักฐาน เช่น สลิปโอนเงิน หรือมีคลิป หรือหลักฐานการแชทคุย แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยเนื่องจากความปลอดภัย และกังวลว่าจะมีปัญหาต่อการขอสิทธิสถานะบุคคล ซึ่งหลังจากนี้จะอย่างไรคนที่ถูกจับกุมทั้งหมด ทั้งข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้นำชุมชน จะสืบไปต่อได้อย่างไรว่าเงินนี้ส่งไปถึงไหน เรื่องสำคัญคือตัวเงิน หากจะทำให้ชัดเจนกว่านี้สามารถสาวไปถึงกระบวนการใหญ่ สืบเส้นทางเงินว่าส่งไปถึงไหนเส้นการเงินเป็นส่วนที่สำคัญ เพื่อให้ขบวนการเหล่านี้ถูกจัดการเสียที” สส.พรรคประชาชนกล่าว

นายมานพกล่าวว่า นอกจากนี้ตนมีประเด็นคือกรณีบุคคลที่ขอแปลงสัญชาติเป็นไทย บุคคลที่อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว เช่นผู้เฒ่าไร้สัญชาติ ที่มีถิ่นที่อยู่ถาวรแล้ว ซึ่ง “ครูแดง” เตือนใจ ดีเทศน์ ผู้ก่อตั้งมูนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ได้ขับเคลื่อนมาหลายปี บุคคลกลุ่มนี้จำเป็นต้องเร่งพิจารณาให้สัญชาติเนื่องจากมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทยอย่างยาวนานหลายสิบปี ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกลุ่มนี้มีจำนวนเยอะมาก บุคคลเหล่านี้ถือหนังสือสำคัญถิ่นที่อยู่อาศัยถาวรมานานแล้วและยังไม่สามารถมีบัตรประชาชนไทย หากจะทำเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถเรียกข้อมูลจากกรมการปกครองว่าจำนวนผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ถาวรถือบัตรขึ้นต้นด้วยเลขแปด จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการให้กลุ่มนี้ซึ่งควรจะเป็นผู้ที่ได้รับบัตรประชาชนตัวจริง

“หากไม่ดำเนินการจะมีกระบวนการเรียกเก็บเงิน ทำทีละรายสองราย ทุจริตไม่จบสิ้น สำหรับบุคคลเหล่านี้ที่มีสิทธิตามกฎหมาย มีหนังสือถิ่นที่อยู่อาศัยถาวรห้าปีก็สามารถขอแปลงสัญชาติได้ แต่พบว่าบุคคลที่ถือบัตรเหล่านี้หลาย 10 ปี กลับไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการได้ ประชาชนเหล่านี้มีทะเบียนประวัติอยู่ที่อำเภอครบถ้วนเรียกว่าสมุดเล่มสีเหลืองประมาณ 380,000 คนเมื่อครบห้าปีตามกฎหมายก็จะสามารถยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ซึ่งมีมติครม.รองรับ กลุ่มภายใต้มติครม. 480,000 คนเป็นกลุ่มที่ชัดเจน ควรจะเร่งดำเนินการเนื่องจากเอกสารเหล่านี้จะต้องอนุมัติโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและจะต้องไม่มีการเก็บเงินคอรัปชั่นในกระบวนการ ควรจะเร่งดำเนินการอย่ารอให้ สะสม ควรเคลียร์ออกเพื่อไม่ให้เกิดการคอรัปชั่น” สส.มานพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นการการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับสัญชาติเหมือนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วถามว่าจะมีวิธีใดที่จะตัดวงจรนี้เพื่อไม่ให้การขอสัญชาติจะต้องมีการจ่ายเงินนอกระบบ สส.มานพ กล่าวว่าข้อเท็จจริงคนที่เชี่ยวชาญการทะเบียนของประเทศไทยมีไม่มากนัก ปลัดอำเภอฝ่ายการทะเบียนบางคนก็มาจากฝ่ายอื่นที่ไม่เชี่ยวชาญ ซึ่งงานทะเบียนเป็นงานที่มากกว่างานผ่าน แต่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ งานทะเบียนควรเป็นส่วนที่แยกออกมาที่จะมีมีผู้ที่เชี่ยวชาญมานั่งเป็นหัวหน้าสำนักงานทะเบียนอำเภอโดย ควรจบหลักสูตรด้านงานทะเบียนโดยเฉพาะ หากจะไม่ให้เกิดการคอรัปชั่นจะต้องมีการปรับโครงสร้างปฏิรูปงานทะเบียนในกระทรวงมหาดไทยให้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ เพื่อให้เป็นช่องที่ทำงานเรื่องสถานะบุคคลและสัญชาติเป็นการเฉพาะตามกฏหมายและระเบียบที่มี

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ท. นำโดยนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และพ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วย บก.ปปป., ป.ป.ช. DSI และกรมการปกครอง แถลงผลการดำเนินการปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” การดำเนินคดีกับขบวนการนำคนต่างด้าวมาสวมตัวและทำหลักฐานเท็จ ในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

อนึ่งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติให้แก่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งหมด จำนวน 483,626 คน (ข้อมูลวันที่ 28 ก.ค. 67) ประกอบด้วย 1. ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพเข้าไทย จำนวน 340,101 คน (มติ ครม. 26 ม.ค. 64) และ 2. ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในไทย จำนวน 143,525 คน (มติ ครม. 7 ธ.ค. 59) แต่ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2568 ปรากฏเบาะแสว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติการณ์เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการออกบัตรประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2568 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มอบหมายให้พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พันตำรวจโท สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต (กอท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 5, กอท. กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 และ 2 เข้าร่วมปฏิบัติการจับกุมและตรวจค้น กับเจ้าพนักงานตำรวจ บก.ปปป., กรมการปกครอง, สำนักงาน ป.ป.ช. และ DSI เข้าจับกุมบุคคล ตามหมายจับของศาล จำนวน 28 ราย โดยจับได้ทั้งหมด 12 ราย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 10 ราย กลุ่มนายหน้า 1 ราย และบุคคลต่างด้าว 1 ราย โดยจับกุมได้ในพื้นที่ อ. เวียงแหง จ. เชียงใหม่ 8 ราย ในพื้นที่ อ.ภูซาง จ. พะเยา 1 ราย ในพื้นที่ อ. เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1 ราย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 1 รายและในพื้นที่ จ. สมุทรสาคร 1 ราย อีกทั้งยังได้พบเอกสารหลักฐานจากการเข้าค้นบ้านผู้ใหญ่บ้านและนายหน้า ได้แก่ เอกสารแบบคำขอ 89 ของบุคคลต่างด้าว ข้อมูลการติดต่อกันระหว่างกลุ่มผู้กระทำผิด และอาวุธปืนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานแถลงผลการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุจริตรับผลประโยชน์กับชาวต่างชาติ และคนต่างด้าวที่ได้รับสถานะอยู่อาศัยถาวรในประเทศไทย และขบวนการสวมสิทธิสถานะบุคคลที่ได้รับสัญชาติ จะมีการขยายผลกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสูงกว่านี้ด้วยหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล หากไปถึงไหนก็ต้องโดนหมด ส่วนรายละเอียดเรื่องค่าหัวเรียกรับ ขอให้อธิบดีปกครองชี้แจง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานแถลงผลการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุจริตรับผลประโยชน์กับชาวต่างชาติ และคนต่างด้าวที่ได้รับสถานะอยู่อาศัยถาวรในประเทศไทย และขบวนการสวมสิทธิสถานะบุคคลที่ได้รับสัญชาติ จะมีการขยายผลกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสูงกว่านี้ด้วยหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล หากไปถึงไหนก็ต้องโดนหมด ส่วนรายละเอียดเรื่องค่าหัวเรียกรับ ขอให้อธิบดีปกครองชี้แจง

On Key

Related Posts

หวั่นรัฐบาลทหารพม่าใช้ประเด็นปราบสแกมเมอร์เป็นช่องทางสร้างความชอบธรรม-ใช้ความรุนแรงกับประชาชนมากขึ้น KNU ออกแถลงการณ์แนะจัดการต้นตอ-เผยอาชญากรข้ามชาติรู้ล่วงหน้าหนีออกไปก่อนแล้ว