
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 สำนักข่าว AFP รายงานวันว่า ทางการพม่าได้ประกาศที่จะยกเลิกเคอร์ฟิวตั้งแต่ช่วงเวลา 01.00 – 03.00 น.ในกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของพม่าก่อนหน้าการเลือกตั้งเพียง 1 วัน โดยระบุว่า สถานการณ์ในย่างกุ้งเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยกองทัพพม่าประกาศใช้เคอร์ฟิวในย่างกุ้งตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564
ซอว์มินทุน โฆษกของกองทัพพม่าระบุว่า เสถียรภาพในย่างกุ้งกำลังดีขึ้น และการตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจ สังคมและศาสนา เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน แม้ว่าเคอร์ฟิวในย่างกุ้งจะกินเวลาเพียงแค่สองชั่วโมง แต่ชีวิตกลางคืนของผู้คนในเมืองนี้ยังคงย่ำแย่นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 และการรัฐประหาร
มีรายงานว่า ทางการพม่ายังคงมีการจำกัดอย่างเข้มงวด เช่น การเรียกรถแท็กซี่ทำได้ยากขึ้นเมื่อค่ำลง และร้านอาหารและบาร์หลายแห่งปิดเร็วขึ้น แม้แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ กองทัพได้ปราบปรามการเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้าน และผู้ประท้วงจำนวนมากได้ออกจากเมืองไปต่อสู้เคียงข้างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอำนาจและอิทธิพลในพื้นที่ชายขอบของประเทศมาอย่างยาวนาน
นอกจากกองทัพพม่าจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามแล้ว พวกเขายังได้ออกคำสั่งเกณฑ์ทหารเพื่อดึงชายหนุ่มเข้าร่วมกองทัพ ทำให้ชายหนุ่มในประเทศต้องอยู่ในสถานการณ์หวาดระแวงจะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วย
ขณะที่สำนักข่าว SHAN สื่อของไทใหญ่ รายงานว่าสถานการณ์เลือกตั้งในเมืองสาด ทางตะวันออกของรัฐฉาน มีประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจการเลือกตั้งในครั้งนี้น้อยมาก นอกจากนี้ ประชาชนยังสับสนและไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง อีกทั้งไม่มีการหาเสียงจากพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งด้วย แม้จะมีการจัดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 2568 นี้แล้ว
มีรายงานว่า สถานที่ลงคะแนนเสียงในเมืองสาดมีอยู่ด้วยกัน 70 แห่ง ตามโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ ขณะที่มีพรรคการเมืองที่ลงแข่งขันรับเลือกตั้งในเมืองสาด 4 พรรคการเมือง ซึ่งได้แก่พรรคสายทหาร พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (The Union Solidarity and Development Party- USDP) พรรคเสือเผือกหรือพรรคประชาธิปไตยแห่งชาติไทใหญ่ (Shan Nationalities Democratic Party – SNDP) พรรคก้าวหน้าอาข่า และพรรคสามัคคีชาติพันธุ์
ชาวบ้านในพื้นที่ยังเปิดเผยว่า ในวันนี้ ยังพบเห็นรถทหารของกองทัพพม่านับ 30 คัน ขับวนเวียนตามตัวเมืองสาด
ทั้งนี้ เมืองสาดเป็น 1 ใน 3 เมืองทางภาคตะวันออกของรัฐฉานที่จะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ อีก 2 เมืองคือเมืองเชียงตุงและเมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งพรรคสายทหาร USDP ชนะการเลือกตั้งในทั้ง 3 พื้นที่ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยในรัฐฉานนั้นจะมีการจัดการเลือกตั้งใน 38 เมือง จากทั้งหมด 55 เมือง โดย 4 เมืองในเขตปกครองของกองกำลังสหรัฐว้า UWSA ก็ไม่มีการเลือกตั้งในครั้งนี้
ขณะที่สื่อในซีกรัฐบาลทหารพม่ารายงานว่า คณะผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศ 6 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย คาซัคสถาน กัมพูชา และเวียดนาม ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในเมียนมา ซึ่งตามกำหนดการ คณะกรรมการทหารจะจัดการเลือกตั้ง ระยะที่ 1 ในระดับประเทศ ในวันที่ 28 ธันวาคม นี้ โดยจะจัดขึ้นใน 102 อำเภอ ทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการทหารในรัฐกะยา ได้แก่ เมืองลอยก่อ และ เมืองบอละเคะ
สำนักข่าว Kantarawaddy Times สื่อคะเรนนี รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนมองว่า การเลือกตั้งที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการทหาร ไม่สามารถสะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง และขาดความยุติธรรม
“ถ้ามีประชาชนอยู่แค่ราว 100 คน จะจัดการเลือกตั้งให้เป็นธรรมได้อย่างไร ในเมื่อกำลังทหารมีจำนวนมากกว่า ฝ่ายประชาชนมีอยู่นิดเดียว แบบนี้จะเรียกว่ายุติธรรมได้อย่างไร อยากถามว่าพวกเขาต้องการคะแนนเสียงแบบไหน ต้องการเสียงของประชาชนจริง ๆ หรือแค่ต้องการคะแนนเสียงของทหารเท่านั้น ผมไม่เห็นด้วยเลย และไม่อาจยอมรับการเลือกตั้งที่พวกเขากำลังจัดอยู่ได้”ชาวคะเรนนีรายนี้ กล่าว
ขณะที่ นายม่องปะแล ชาวเมืองบอละเค ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรค USDP และกำลังหลบหนีภัยสงครามอยู่ในขณะนี้ กล่าวว่า เขาหวังให้การเลือกตั้งครั้งนี้สามารถนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง
“หากการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้ที่ได้อำนาจสามารถทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติได้จริง นั่นก็จะเป็นการเลือกตั้งที่พวกเราต้องการ” เขากล่าว



