เกาะกง, กัมพูชา – กว่าแปดปีที่ผ่านมาเกษตรกรในสามหมู่บ้าน กว่า 300 คนในจังหวัดเกาะกง กัมพูชา ต้องถูกยึดที่ดินไปอย่างผิดกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อนำไปทำแปลงปลูกอ้อยขนาดเกือบ 1.2 แสนไร่ ซึ่งเจ้าของกิจการเป็นบริษัทในกัมพูชาที่มีอิทธิพลทางการเมือง และอยู่ใต้การควบคุมของบริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (เคเอสแอล) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำตาลยักษ์ใหญ่จากไทย และมีการจัดทำสัญญาซื้อขายเป็นการเฉพาะกับบริษัท Tate & Lyle PLC จากสหราชอาณาจักร ในปัจจุบัน เคเอสแอลได้พยายามแก้ไขข้อพิพาทย้อนหลัง โดยจัดประชุมกับชาวบ้าน 20 กว่าคนในวันนี้
ทางศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชน (Community Legal Education Center) ซึ่งเป็นตัวแทนด้านกฎหมายให้กับชุมชนในการฟ้องคดีกับศาลกัมพูชา ร่วมกับ EarthRights ซึ่งให้ความสนับสนุนกับศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชนในการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งเป็นข้อร้องเรียนต่อเคเอสแอล ได้แสดงข้อกังวลเกี่ยวกับกระบวนการจัดเตรียมการเจรจาของเคเอสแอล
ชาวบ้านได้จัดประท้วงในวันนี้เพราะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการเจรจา และทางบริษัทไม่ได้มีข้อเสนอที่จะเจรจาเกี่ยวกับที่ดินของพวกเขาแต่อย่างใด แอน เฮยา (Ann Heiya) หนึ่งในตัวแทนของชุมชนแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับวิธีการทำงานของบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศไทย โดยเขาระบุว่า
“คนในชุมชนของเราต่อสู้เป็นเวลานานเพื่อใช้กฎหมายเอาผิดกับขโมยที่ยึดที่ดินเราไป
“พวกเขาต้องการให้ข้อพิพาทยุติลง แต่ปัญหาจะไม่จบจนกว่าทางบริษัทยินยอมนั่งลงเจรจาอย่างเปิดเผยกับเราทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เพื่อแสวงหาแนวทางดีสุดในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับพวกเราแล้ว การเจรจาไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของเงิน แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับที่ดินของเราด้วย
“เราหวังว่าทางบริษัทที่เกาะกง เคเอสแอล และบริษัท Tate & Lyle จะรับฟังข้อเรียกร้องของเรา และตกลงเจรจากับเราและทนายความของเรา”
เตสซา เกรกอรี (Tessa Gregory) กล่าวว่า “เราได้เชิญให้เคเอสแอลเข้าร่วมในการประชุมเพื่อไกล่เกลี่ยกับสำนักงานกฎหมาย Leigh Day ศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชน ตัวแทนของชุมชน และบริษัท Tate & Lyle เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเคเอสแอลจะเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้นั่งลงและหาแนวทางยุติข้อพิพาทอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส”
อย่างไรก็ดี ชาวบ้านส่วนใหญ่เกือบทั้ง 200 ครอบครัวที่ต้องการได้ที่ดินของตนคืนมาทั้งในหมู่บ้าน Trapeang Kandol, Chhouk และ Chikor ในอำเภอสะเลออัมบึล จังหวัดเกาะกง กลับไม่ได้รับเชิญให้ไปประชุมกับบริษัท นอกจากนั้น ทนายของชุมชน ศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชน และสำนักงานกฎหมาย Leigh Day จากลอนดอน ก็ไม่ได้รับเชิญให้ไปประชุมเช่นกัน ในขณะที่มีสื่อมวลชนทั้งไทยและกัมพูชาเข้าร่วมสังเกตการณ์การเจรจา
ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อเป็นผลมาจากการให้สัมปทานที่ดินด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (Economic Land Concession) กับโครงการปลูกอ้อยและโรงงานน้ำตาล ส่งผลให้มีการอพยพของประชาชนจำนวนมาก สร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อวิถีชีวิต และก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ผู้ชำนาญการอิสระหลายท่านรวมทั้งที่มาจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติแห่งกัมพูชาได้เข้ามาจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการกว้านซื้อยึดครองที่ดินครั้งนี้ ทางสำนักงานกฎหมาย Leigh Day จากลอนดอนได้รับเป็นตัวแทนว่าความให้ชาวบ้าน 200 ครอบครัวในการฟ้องคดีต่อบริษัท T&L ต่อศาลในอังกฤษ และเสนอให้มีการไกล่เกลี่ยคดีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม 2557 เคเอสแอลยังได้รับเชิญจากศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชน และสำนักงานกฎหมาย Leigh Day ให้เข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยคดีครั้งนี้ ซึ่งอาจมีขึ้นในกัมพูชาหรือไทย
วีรัก เยง ( Virak Yeng) ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชนกล่าวว่า “หลายครอบครัวที่ถูกยึดที่ดินไปเมื่อปี 2549 ตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่พวกเขายังมุ่งมั่นที่จะใช้การรณรงค์ด้านกฎหมายและการกดดันอย่างอื่น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นธรรมและยุติธรรม”

เคเอสแอลยังถูกร้องเรียนผ่านกลไกในประเทศไทย กล่าวคือชาวบ้าน 200 ครอบครัวซึ่งมีตัวแทนเป็นศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชนจากการกัมพูชาและด้วยความสนับสนุนจาก EarthRights International ได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อกสม.เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2553 โดยกล่าวหาว่าทางเคเอสแอล โดยผ่านบริษัทลูกในกัมพูชา ได้รับสัมปทานในที่ดินซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยสัมปทานที่ดินด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของกัมพูชา และกฎหมายและมาตรฐานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน กสม.ได้รับเป็นกรณีเพื่อการสอบสวนหมายเลข 58/2553 และในเดือนกรกฎาคม 2555 กสม.ได้เปิดเผยผลการสอบสวนในเบื้องต้นซึ่งระบุว่า เคเอสแอลละเมิดสิทธิมนุษยชนของชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยผ่านสัมปทานที่ดินด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ดังกล่าว โดยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า กสม.จะมีแถลงการณ์ในขั้นสุดท้าย
เดเนียล คิง (Daniel King) ผู้อำนวยการกฎหมายในภูมิภาคแม่น้ำโขงของ ERI กล่าวว่า “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าน่าจะได้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเป็นผลจากการกระทำของบริษัทเคเอสแอลจากไทย ในตอนนี้ ทางเคเอสแอลควรยอมรับความรับผิดชอบอย่างเปิดเผย และหาทางแก้ไขข้อพิพาทโดยผ่านกระบวนการที่เปิดเผยและโปร่งใสโดยให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทุกคนมีส่วนร่วม”
ข้อมูลจาก ศูนย์กฎหมายศึกษาเพื่อชุมชน (Community Legal Education Centre) เป็นเอ็นจีโอในกัมพูชาที่สนับสนุนหลักนิติธรรม ความยุติธรรม และประชาธิปไตยในกัมพูชา โดยมีกิจกรรมสร้างความเข้มแข็งด้านกฎหมาย ทั้งการให้ความรู้ด้านกฎหมาย การอบรม การให้บริการด้านกฎหมาย และให้ความสนับสนุนในการรณรงค์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดู http://www.clec.org.kh
ERI เป็นเอ็นจีโอซึ่งมีสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯ และเปรู มีความเชี่ยวชาญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม และการรณรงค์ให้บรรษัทและรัฐบาลถูกตรวจสอบ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ERI โปรดดู http://www.earthrights.org
Community Legal Education Center (CLEC) www.clec.org.kh
Post Views: 155