เมื่อวันที 13 มกราคม 2558 นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันคัดค้านโครงการทางหลวงสายพิเศษสาย 8 หรือมอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ ของกรมทางหลวงว่า เครือข่ายภาคประชาชนใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี เตรียมจะเปิดเวทีประชุมร่วมกันในช่วงปลายเดือนมกราคม เพื่อหาแนวทางการดำเนินการต่อกรมทางหลวงที่ได้ดำเนินโครงการมอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ โดยขัดต่อกฏหมายหลายข้อ โดยเฉพาะกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เสร็จสิ้นไปประมาณ 4 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายงานสรุปกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อสาธารณะ ทั้งที่ได้มีการทำหนังสือทวงถามไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548
“ไม่รู้ว่าจัดทำผลอีไอเออี(การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม )
ออกมาได้อย่างไร เพราะมันผิดตั้งแต่กระบวนการทำอีไอเอแล้ว โดยเฉพาะการนำข้อมูลด้านผลกระทบที่ถูกบิดเบือนมานำเสนอในเวทีการรับฟังย่อยทั้ง 14 เวที และการตอบแบบสอบถามในเวทีปัจฉิมที่มีผู้ตอบทั้งหมดเพียง 120 คน แต่กลับสรุปว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ ส่วนเสียงผู้ไม่เห็นด้วยและข้อคัดค้านในประเด็นสำคัญในทุกเวทีกลับไม่มีในรายงาน อันที่จริงโครงการนี้ควรมีการจัดทำอีเอชไอเอ (การศึกษาถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ)เพราะถือเป็นโครงการขนาดใหญ่มีผลกระทบรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้กรมทางหลวงไม่กล้าที่จะเปิดเผยรายงานกระบวนการรับฟัง เพราะผิดกฏหมายหลายขั้นตอน” นางสาวอัญชุลี กล่าว
นางสาวอัญชุลี กล่าวอีกว่า จากการที่เครือข่ายภาคประชาชนเคยร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนและรายชื่อประชาชนผู้คัดค้าน 2,015 รายชื่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ทำให้เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักผู้ตรวจงานแผ่นดินได้ส่งตัวแทนลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพื่อสำรวจสภาพพื้นที่และรับฟังข้อมูลจากเครือข่ายภาคประชาชนตามที่ได้รับร้องเรียน โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดลล้อม วัฒนธรรม และความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งข้อร้องเรียนต่อการดำเนินการของกรมทางหลวงที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฏหมายรัฐธรรมนูญหลายมาตรา รวมถึงข้อมูลจากพื้นที่ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลของโครงการฯ ซึ่งในวันนั้นได้มีการชี้แจงและมอบข้อมูลทั้งหมดให้แก่ตัวแทนที่มา จึงคาดว่าหลังจากนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอาจจะมีการเรียกกรมทางหลวงเข้าไปชี้แจงต่อไป ซึ่งหากพบว่ามีเป็นมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายจริง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจสามารถดำเนินการฟ้องศาลปกครองได้เช่นเดียวกัน
นายวทัญญู ทิพยมณฑา ผู้อำนวยการผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 1 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้แทนผู้ตรวจการแผ่นดินในการลงสำรวจพื้นที่และเก็บข้อมูลในแนวพื้นที่มอเตอร์เวย์ฯ เมื่อปลายปีที่แล้ว ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ด้วยเหตุผลว่า ตนไม่มีหน้าที่ในการให้ความเห็นหรือข้อมูลต่อกรณีเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
อนึ่ง ข้อมูลในหนังสือร้องเรียนระบุว่า ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดราชบุรี เป็นพื้นดินราบลุ่ม–ราบลุ่มต่ำ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1-2 เมตร เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม เพาะปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ สวนผลไม้นานาชนิด มีความอุดมสมบูรณ์ด้านชลประทาน เพราะมีแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำแควไหลผ่าน แต่การดำเนินโครงการมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม – ชะอำ มีผลทำให้สูญเสียพื้นที่เกษตรไปเป็นถนนจำนวนมาก คือ พื้นที่โครงการฯ ตอนที่ 1 สูญเสียพื้นที่ 5890.2 ไร่ และพื้นที่โครงการฯ ตอนที่ 2 สูญเสียพื้นที่ 3286.25 ไร่ จากการเวนคืนที่ดินทั้งหมด 10,583 ไร่ และเวนคืนสิ่งปลูกสร้าง 614 หลังคา
