เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 ได้มีประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ครั้งที่ 1 ปี 2558 ที่อาคารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล นายกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งมีตัวแทนภาครัฐและตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนจำนวนกว่า 100 คน เข้าร่วม ทั้งนี้ระยะเวลาในการประชุมนั้นดำเนินการตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 – 14.30 น. โดยมีการนำเสนอประเด็นปัญหาเชิงนโยบายของประชาชน 13 ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ 13 ประเด็นหลักประกอบด้วย 1. การดำเนินการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์กรมหาชน) 2. การดำเนินการโฉนดชุมชน 3. การแก้ไขปัญหาคนจนเมือง 4. การแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล จังหวัดอุบลราชธานี 5. การแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์ชาวเล 6. การแก้ไขปัญหาชาวกะเหรี่ยง 7. การดำเนินการตามแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (แผนแม่บทป่าไม้-ที่ดิน) 8.กรณีปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี 3 ชุมชน 9.การผลักดันนโยบายการถือครองที่ดินเกี่ยวกับกฎหมาย 4 ฉบับ (กฎหมายสิทธิชุมชน กฎหมายธนาคารที่ดิน กฎหมายภาษีอัตราก้าวหน้า และกฎหมายกองทุนยุติธรรม) 10.การแก้ไขปัญหาเกษตรพันธะสัญญา 11.การแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่หมดระยะเวลาการอนุญาตหรือสิ้นสุดสัญญาเช่า 12. การตรวจสอบการใช้พื้นที่ขององค์กรอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) และ13.แนวทางการปลูกยางพาราใหม่ทดแทน และการเข้าถึงกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการประชุมนั้น ประเด็นที่มีความคืบหน้าได้แก่ 1.ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้อนุมัติงบสินเชื่อเพื่อจัดซื้อที่ดินของชุมชนโคกโตนด ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 12.5 ล้านบาทโดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ดำเนินการ ส่วนกรณีที่ดินธนาคารที่ดินอื่นๆ นั้นให้สถาบันบริหารที่ดินและ พอช.ดำเนินการร่วมกันตามนโยบายต่างๆโดยไม่ต้องขอมติรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนกรณีโฉนดชุมชนนั้น มติที่ประชุมเห็นด้วยการเสนอให้นายกฯ ผลักดันเรื่องการแต่งยกระดับสำนักงานที่ดินชุมชน เพื่อดำเนินการนโยบายชุมชนให้เป็นองค์กรอิสระถูกต้องตามกฎหมายคล้ายร่วมกับพอช.แล้วสามารถดำเนินการเรื่องโฉนดชุมชนตามนโยบายต่างๆได้เลยโดยไม่ต้องรอมติคณะรัฐมนตรี
2.กรณีเขื่อนปากมูล นั้น มีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล โดยให้ภาคประชาชนนำเสนอรายชื่อคณะกรรมการที่เห็นว่าเหมาะสม ซึ่งต้องเร่งรัดการจัดประชุมหารือเพื่อพิจารณาองค์ประกอบของคณะกรรมการ โดยฝ่ายประชาชนเสนอให้พิจารณากรรมการฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัด
3. มติที่ประชุมมอบหมายให้กรมการปกครอง เร่งแก้ปัญหาเรื่องสัญชาติ แก่ชุมชนชาวเลราไวย์ จังหวัดภูเก็ต หลังจากมีการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยแล้ว ส่วนชุมชนชาวเลที่อื่นนั้นมติที่ประชุมเสนอให้หน่วยงานอื่นร่วมมือเรื่องการลดเงื่อนไขการใช้ทรัพยากรทางทะเล เช่น กรณีการออกเรือหากินในพื้นที่ทะเลนั้น ควรผ่อนปรนเรื่องขอบเขตพื้นที่ทำกิน 4.กรณีการแก้ไขปัญหาชาวกะเหรี่ยง มติที่ประชุมให้คณะกรรมการอำนวยการเพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงเร่งรัดการประชุมภายใน 30 วัน 5.กรณีการแก้ไขปัญหาแผนแม่บทป่าไม้ฯ นั้นให้กองอำนวยการรักษามั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)เป็นเจ้าภาพในการหารือเพื่อทบทวนการประกาศใช้แผนแม่บทดังกล่าว ฯ 6.กรณีการแก้ไขปัญหาที่ดินบางสัก ที่ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่มีปัญหาเรื่องชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถเข้าอยู่ที่ดินเดิมได้หลังประสบภัยสึนามินั้น ให้ชุมชนยื่นหนังสือไปที่สำนักงานที่ดินได้ทันที
นายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทน ขปส.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมแล้วเสร็จว่า ประเด็นที่ก้าวหน้าและน่ายินดี คือ เรื่อง ธนาคารที่ดินนั้นนับเป็นสัญญาณที่ดีที่มติของที่ประชุมอนุญาตให้ พอช.ดำเนินการโดยไม่ต้องอ้างมติ คณะรัฐมนตรี ซึ่งจะช่วยให้ ขปส.สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้ง่ายขึ้น ขณะที่โฉนดชุมชนก็นับว่ามีสัญญาณที่ดีไม่น้อย เพราะหากสามารถยกระดับให้เกิดสำนักงานที่ดินชุมชนได้ก็จะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่กว่า 240 ชุมชนได้รับประโยชน์ในการใช้ที่ดินที่เกิดจาการจัดสรร โดยไม่ต้องรอมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการใดๆ สำหรับปัญหาที่ยังเถียงกันอยู่ หาข้อยุติไม่ได้ แต่พอจะมีแนวทางหรือตัวเลือกอื่นนั้น คือ กรณีการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ขปส.เสนอให้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก).ได้เร่งรัดจัดสรรที่ดินซึ่งกำลังมีประเด็นที่ไม่ลงตัว คือ ไม่ชัดเจนว่าจะกระจายที่ดินเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตพื้นที่ปฏิรูป ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์เพื่อหาข้อยุติต่อกรณีดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีประเด็นเร่งด่วนและน่าห่วง
