เมื่อวันจันทร์ (15 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ชาวบ้านจาก 100 กว่าชุมชนในรัฐฉาน ได้ออกมารวมตัวเรียกร้องให้หยุดทำร้ายทะเลสาบอินเลที่กำลังเสื่อมโทรมลง และกำลังเผชิญกับปัญหาระดับน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัญหาคุณภาพน้ำอันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ กลุ่มสตรีผู้สูงอายุรัฐฉาน(Senior Women of Shan State)ได้ร่วมกันจัดงานขึ้นที่เมืองหย่องฉ่วยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายในงานได้มีการจัดเสวนาพูดคุยกับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีการลงชื่อเพื่อยื่นต่อรัฐบาลพม่าให้ปกป้องทะเลสาบอินเล ในด้านสิ่งแวดล้อมหากโครงการพัฒนาต่างๆ จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ระบุว่า “ความเปลี่ยนแปลงในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นภัยคุกคามต่อทะเลสาบอินเล หากยังดำเนินอย่างนี้ต่อไป ทะเลสาบอินเลจะแห้งขอดในอนาคตอันใกล้นี้ และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นจะถูกทำลายลง เรากังวลเพียงพอแล้ว ดังนั้นประชาชนในชุมชนทะเลสาบอินเล พระสงฆ์และผู้สูงอายุในพื้นที่จึงร่วมมือกันเพื่อเริ่มเคลื่อนไหวอนุรักษ์ทะเลสาบเอาไว้ เพื่อปกป้องไม่ให้ทะเลสาบถูกทำลายและเพื่อเป็นหลักประกันว่า โครงการพัฒนาต่างๆ นั้นจะเป็นไปอย่างยั่งยืน”
ทะเลสาบอินเลเป็นแหล่งน้ำจืด ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในพม่า ในปีที่ผ่านมา ทะเลสาบอินเลต้องเผชิญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภัยแล้ง การตัดไม้ทำลายป่า และปัญมลพิษ ขณะที่เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ของทะเลสาบอินเล เนื่องจากมีการเร่งก่อสร้างโครงการพัฒนาต่างๆ เช่น โรงแรม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัว
ขิ่นยุ้น ชาวบ้านวัย 51 ปี เปิดเผยว่า ในอดีตนั้นไม่มีการตัดต้นไม้ ไม่มีโรงแรมเยอะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และไม่มีการทำลายสวนผักลอยน้ำในทะเลสาบอินเล แต่ขณะนี้สภาพแวดล้อมของทะเลสาบอินเลกำลังแย่ลง เป็นสิ่งที่ชาวบ้านรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว องค์กรยูเนสโก เพิ่งขึ้นทะเบียนทะเลสาบหนองทะเลอินเลเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล นับเป็นแห่งแรกของพม่า โดยพิจารณาจากความหลากหลายชีวภาพและการอยู่ร่วมกันของชาวบ้านและธรรมชาติ
ที่มา Irrawaddy