มีรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าประกาศตั้งข้อหาแกนนำนักศึกษาจำนวน 5 คน ที่ออกมาประท้วงเมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.)สัปดาห์ที่แล้ว ฐานออกมาชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมายข้อที่ 18 เจ้าหน้าที่ตำรวจในย่างกุ้งระบุว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาประท้วงเพิ่มเติม หากสามารถยืนยันตัวบุคคลเหล่านั้นได้
ทั้งนี้ นักศึกษาราว 50 – 200 คน ได้ออกมาประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากไม่พอใจหลังทหารลงคะแนนเสียงคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญในสภา ไป่ยีทุต หนึ่งในแกนนำนักศึกษาที่ออกมาประท้วงเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียกใดๆเรื่องแจ้งข้อหาเขาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจย่างกุ้ง โดยระบุจะคว่ำบาตรการไต่สวนคดีใดๆ ที่เป็นผลมาจากการประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“เราทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าจะดีต่อประเทศ เราทุกคนรู้ เราจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่กำลังจะมา” ไป่ยีทุตกล่าว
ด้านสะหย่า ลิน แกนนำนักศึกษาอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า “หากเราขออนุญาตรวมตัวกันชุมนุม เชื่อว่าจะไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี แล้วเราจะขออนุญาตไปเพื่ออะไร ผมไม่เชื่อในข้อกฎหมายที่ 18 เราแสดงออกตามที่เราคิด ในฐานะที่เราเป็นพลเมือง”
ขณะที่เมื่อหลายวันก่อน นายฉ่วยหม่าน โฆษกสภาพม่าออกมาเปิดเผยว่า เตรียมเสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้งให้จัดลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญในคราวเดียวกันกับการจัดเลือกตั้งในเดือน พ.ย.นี้ ทั้งนี้อ้างเพื่อประหยัดงบประมาณและเวลา รวมไปถึงบุคลากร ขณะที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า การจัดลงประชามติและเลือกตั้งอาจทำให้ประชาชนสับสนได้
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ส.ส.ฝ่านค้านและ ส.ส.กลุ่มชาติพันธุ์เสนอแก้รัฐธรรมนูญในหลายมาตรา โดยเฉพาะในมาตราที่ 436 ซึ่งกำหนดไว้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะต้องได้รับความเห็นชอบจากในสภา 75 เปอร์เซ็น โดยพรรคฝ่ายค้านได้เสนอขอให้ลดจำนวนเสียงสนับสนุนเหลือ 70 เปอร์เซ็นต์ จาก 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อหวังลดอิทธิพลของกองทัพ อย่างไรก็ตาม ผลการลงมติปรากฏว่า การเสนอแก้มาตรา 436 ยังไม่ผ่านสภา เนื่องจาก ส.ส.ลงคะแนนเสียงสนับสนุนไม่ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตัวแทนทหารในสภาคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญหัวชนฝา
ที่มา Eleven Media/Irrawaddy