เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม หนังสือพิมพ์อีเลฟเว่น (The Daily Eleven) ซึ่งมียอดขายอันดับต้นๆ ของพม่า ได้พาดหัวข่าวใหญ่กรณีที่สื่อมวลชนไทยลงพื้นที่ติดตามโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลุ่มน้ำตะนาวศรี โดยชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้า พื้นที่ภาคตะนาวศรี ใกล้บ้านมาว โชว ตำบลโตพยอจ่อ อำเภอมยิต จ.มยิต(มะริด) ประเทศพม่า มีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้ากำลังผลิต 2,640 MW เพื่อส่งขายไทย. โดยชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และมี 30 องค์กรที่ช่วยชาวบ้านคัดค้านเกี่ยวกับโครงการนี้
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในวันที่ 26 สิงหาคม สื่อมวลชนไทยได้พบปะชาวบ้านรวมถึงเก็บข้อมูลกับชาวบ้านในพื้นที่
“ทำไมทำโครงการที่ไม่มีประโยชน์ในหมู่บ้านเรา เพราะมีผลเสียเยอะ ไทยจึงมาดำเนินการในพื้นที่เรา เราไม่ต้องการโครงการนี้ เพราะมันจะทำลายพื้นที่ทำกินเราหมด จะมีปัญหาสุขภาพตามมาด้วยจากมลพิษทางอากาศ ดังนั้น เราไม่ต้องการโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน หากดำเนินการต่อไปเราจะต่อสู้ทุกวิธี” อูอ่องโพ ชาวบ้านเมวส่อง กล่าว
หนังสือพิมพ์อีเลฟเว่นกล่าวว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโครงการโรงไฟฟ้าในพื้นที่ลุ่มน้ำตะนาวศรี สื่อมวลชนไทยเข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเห็นชาวบ้านต่อโครงการนี้ เพื่อนำข้อมูลนี้กลับไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในประเทศไทย โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินตะนาวศรี ที่จะสร้างใกล้สบน้ำสามสายที่เชื่อมเมืองตะนาวศรี เมืองจูนซุ และเมืองเมะโมย๊ะ ได้ชะลอโครงการลง เพราะคนในพื้นที่คัดค้าน โดยรอบโครงการมีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งหมด 25 หมู่บ้าน 8,000 กว่าครัวเรือน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง และการเกษตร บริษัทที่เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวได้เข้าสำรวจพื้นที่ 2ครั้งแล้ว ในปี 2014 มีการมาพบปะชาวบ้าน
“ในครั้งแรกเราได้เข้าร่วมฟัง แต่ครั้งที่สองชาวบ้านได้คัดค้าน เพราะโครงการขนาดใหญ่นี้ จะทำให้ชาวบ้านต้องอพยพ และมีแนวโน้มพื้นที่เกษตรก็จะเสียหายหมด” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว

หนังสือพิมพ์อีเลฟเว่นรายงานในตอนท้ายว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้เป็นการลงทุนของประเทศไทย มีพื้นที่ 3,000 เอเคอร์ ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 5.4พันล้านดอลลาร์ ผู้ลงทุนหลักคือ เครือโรงไฟฟ้าราชบุรี และ บลูเอเนอร์ยี ทางพม่ามีกระทรวงพลังงานพม่า, บริษัทปยินแต้ และ บริษัทจ่อ จ่อ พิว
อนึ่ง ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม สื่อมวลชนไทย ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์และนักเขียน ได้ร่วมกันลงพื้นที่หมู่บ้านที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมะริด โดยชาวบ้านหลายหมู่บ้านจำนวนกว่า 50 คนได้เดินทางมาให้ข้อมูล นอกจากนี้สื่อมวลชนไทยยังได้พบกับเครือข่ายภาคประชาชนมะริด สื่อมวลชนท้องถิ่นและสื่อมวลชนจากส่วนกลางของพม่าด้วย
///////////





