สำนักข่าวเวียงจันทร์ไทม์รายงานวันที่ 28 กันยายน ว่า ทางการลาวได้ออกมาเตือน 4 บริษัทจีนในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชเกินขนาดในสวนกล้วยในแขวงหลวงพระบางและแขวงอุดมไชย โดยทางการลาวเตือนผู้ประกอบการจีนว่า จะสั่งระงับการดำเนินธุรกิจหากบริษัทจีนยังละเมิดกฎหมายของลาว
นางสาว Inthanongsith Kommameuang รองผู้อำนวยการทั่วไปกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและป่าไม้ของลาว ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านทั้ง 2 แขวง โดยชาวบ้านจากเมืองนาน ในแขวงหลวงพระบางได้ร้องเรียนว่า บริษัทของจีนได้มีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชและสารเคมีอื่นๆ เกินขนาดในสวนกล้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นแล้ว ขณะที่ชาวบ้านจากเมืองนาหม้อ แขวงอุดมไชย ก็ได้ออกมาโจมตีบริษัทจีนอีกแห่งหนึ่งเช่นเดียวกันว่า ใช้สารเคมีลักษณะคล้ายกันเกินขนาดในสวนกล้วยในพื้นที่ ซึ่งสารเคมีได้รั่วไหลลงสู่แม่น้ำทำลายทรัพยากรทางน้ำ
นางสาว Inthanongsith กล่าวว่า ทางกระทรวงได้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบสวนกล้วยที่ถูกร้องเรียน และหลังจากการนำตัวอย่างจากทั้ง 2 แขวงไปตรวจสอบหาชนิดของสารเคมีในห้องปฏิบัติการก็พบว่า มี 4 บริษัทของจีนได้ใช้สารเคมีเกินขนาดจริง จึงได้เรียกบริษัทจีนทั้ง 4 แห่งมาตักเตือน โดยหากบริษัทจีนยังละเมิดกฎหมายของลาวก็จะถูกยกเลิกใบประกอบการธุรกิจในประเทศลาว
นางสาว Inthanongsit ยังระบุว่า การใช้สารเคมีที่มากเกินขนาด แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในอนาคต ดังนั้นทางกระทรวงจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ โดยทางกระทรวงได้ร่วมมือทำงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในแขวงทางภาคเหนือของลาวซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนกล้วย ซึ่งรวมถึงแขวงหลวงน้ำทาและแขวงบ่อแก้วด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานด้านปัญหาสารเคมี เช่นที่แขวงบ่อแก้วในขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบสวนกล้วยในพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทจีนไม่ใช้สารเคมีที่ห้ามใช้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นาย Anothai Chanthalasy รองผู้อำนวยการทั่วไปของกรมจัดการที่ดินกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของลาว เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทางบริษัทจีนได้เช่าที่ดินจากชาวบ้านโดยตรง โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากทางการลาว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ยากต่อการตรวจสอบในเรื่องการทำเกษตรและการใช้สารเคมีไปเท่าไหร่ในสวนกล้วยเหล่านี้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังสร้างความหวาดกลัวว่าจะมีผลต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว
ด้านนาย Kham Phalakhone ผู้อำนวยการกรมเกษตรและป่าไม้ประจำแขวงบ่อแก้ว กล่าวว่า บริษัทส่วนใหญ่มุ่งแต่เอากำไรกับสิ่งที่บริษัทได้ลงทุนไป ดังนั้นรัฐบาลลาวจำเป็นต้องตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานหรือไม่ เมื่อกลายเป็นประเด็นด้านปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ มีสวนกล้วยกว่า 18,750 ไร่ที่ปลูกในแขวงบ่อแก้วนับตั้งแต่เมื่อปี 2550 โดยบริษัทจีนได้เช่าที่ดินจากชาวบ้านระหว่าง 3,000 – 7,000 บาทต่อไร่ต่อปี มีรายงานว่า บริษัทจีนนั้นต้องการที่จะขยายสวนกล้วยออกไป สืบเนื่องจากมีความต้องการกล้วยสูงในตลาดโลก ขณะที่ชาวบ้านไม่กล้ากินเห็ดหรือพืชอื่นๆ ในพื้นที่ซึ่งมีการใช้สารเคมี
—————–