เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 นายชัย ทองดีนอก ชาวบ้านจัดระเบียบ ตำบลหลุบเลา อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ศาลจังหวัดสกลนคร มีคำพิพากษา ชาวบ้านจัดระเบียบ ตำบลหลุบเลา อำเภอภูพาน 9 ราย ข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าดงชมพูพาน-ดงกระเชอ โดยศาลสั่งจำคุก 3 ราย ไม่รอลงอาญา แบ่งเป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน 1 ราย จำคุก 3 ปี 2 ราย และชาวบ้านอีก 6 ราย ศาลพิจารณาคำสั่งทั้งจำและปรับ โดยโทษจำคุก รอลงอาญารายละ 1 และ 2 ปี ตามแต่ละพื้นที่การถือครองทำประโยชน์ในที่ดิน
นายชัยกล่าวว่า สำหรับตนนั้นอยู่ในกลุ่มรอลงอาญา ถูกดำเนินคดี 2 คดี ในเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ โดยเบื้องต้นตัดสินใจรับสารภาพเพื่อให้ศาลลดโทษเหลือ1 ปี และยื่นประกันโดยใช้เงินประกัน 10,000 บาท โชขณะนี้ตนและครอบครัวจัดว่าเผชิญกับมรสุมชีวิตหนักหนาที่สุดเท่าที่พบมา เนื่องจากไร่ยางที่ลงทุนไป หวังจะสร้างรายได้ก็ถูกห้ามเข้าไปทำประโยชน์ และต้องแบกรับหนี้สินนอกระบบ 180,000 บาท ชีวิตหลังจากนี้คงต้องอาศัยรับจ้างรายวันต่อไป
“มันก็มีความรู้สึกเหมือนกำลังโดนใครเอาเครื่องทรมานมาบีบนะ เราก็มีอยู่เท่านี้ ไม่รู้จะหันไปไหนแล้ว แต่ที่ผมยังสงสัย คือ ทำไมไร่ยางรอบๆ ป่า รีสอร์ทและที่หลายแหล่งที่มีแปลงใหญ่ว่าพวกเราชาวบ้านธรรมดา ไม่มีข่าวคราวตัด ฟัน หรือทำลาย หรือยึดที่คืน ปัญหาครั้งนี้ชาวบ้านได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม เขาว่าเราแพ้ เราก็ต้องแพ้ จะให้สู้ต่อ เงินก็ไม่มี ก็ต้องใช้ชีวิตแบบวันต่อวันแล้ว ส่วนที่เราเคยขอร้อง เคยยื่นร้องเรียน ขอความเป็นธรรม มันคงไม่มีอีกแล้ว ผมแพ้แล้ว ชาวบ้านหลายคนก็แพ้แล้ว แต่เราไม่มีทางเลือก จะหนีคดีไปไหนก็ไม่ได้ เราเกิดที่นี่อยู่ที่นี่ เราก็อยากตายที่นี่ เมื่อวันนี้ผลมันออกมาแบบนี้ เราก็สู้ทีละขั้น แต่ถ้าสู้ไม่ได้ ผมยกธงขาวแพ้แล้ว ผมไปไม่รอด นโยบายเขาเขียนมาเพื่อใคร เราก็น่าจะรู้แล้ว รัฐไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ข้างคนจน” นายชัย กล่าว
นายชัย กล่าวต่อว่า ภายหลังศาลตัดสินครั้งนี้ ชาวบ้านหลายคนต่างกลัว และตัดสินใจจะกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 10 บาท มาประกันตัว เพื่อลองยื่นอุทธรณ์ดู ซึ่งตนแม้จะเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายไร้สิทธิ ก็เคารพการตัดสินใจของคนในชุมชนเดียวกัน หลายคนยอมรับว่าเงินในการต่อสู้ในชั้นศาลนั้นชาวบ้านที่เป็นแค่เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถหามาได้ง่ายๆ แต่ก็เลือกจะเสี่ยงกู้เงินนอกระบบกับนายทุนที่ไว้ใจได้มาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต้องแบกรับหนี้สินตลอดไปทั้งชีวิต เพราะหลังจากนี้รายได้ของแต่ละคน ในช่วงไม่มีที่ดินทำกิน คือรายได้ที่ไม่มั่นคง เป็นการหาเลี้ยงชีพรายวัน คงทำได้แค่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ย แต่ละรายต้องกู้หลายหมื่นบาท ถึงหลักแสน ยังไม่รวมหนี้อื่นๆ อีก