
สหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าทำการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ กรณีมีรายงานออกมาว่า ทหารพม่าได้กระทำการทารุณโหดร้ายละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวบ้านในรัฐฉาน โดยสหรัฐฯ ระบุ ทหารที่ก่อเหตุควรถูกนำตัวมาลงโทษ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF)ได้ออกมากล่าวหาว่า กองทัพพม่าได้ทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนและวัด รวมถึงยิงพลเรือนและข่มขืนหญิงสาวทางภาคกลางรัฐฉาน ซึ่งจนถึงขณะนี้ สงครามทำให้มีผู้พลัดถิ่นภายในมากกว่า 10,000 คนแล้ว
นาง Katina Adams โฆษกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในรัฐฉาน หลังจากที่มีรายงานออกมาซึ่งกล่าวหาทหารพม่าว่า โจมตีพลเรือน วัด และโรงเรียนตามอำเภอใจ รวมไปถึงข่มขืนและกระทำใช้ความรุนแรงละเมิดทางเพศ
“ข้อกล่าวหาเหล่านี้หากเป็นความจริง ถือเป็นการกระทำที่เลวทราม และเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าทำหน้าที่เพื่อความน่าเชื่อถือโดยดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ และให้ผู้ที่ทำความผิด รับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา” นาง Katina Adams กล่าว อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีใดๆ จากฝั่งรัฐบาลพม่า
ทั้งนี้ แม้เมื่อวันที่ 23 – 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางฝ่ายรัฐบาลพม่าและกองทัพไทใหญ่ SSPP/SSA จะหารือและได้ข้อตกลงร่วมกัน 6 ข้อแล้ว ซึ่งขณะนี้ทั้งสองฝ่ายหยุดการสู้รบไว้ชั่วคราว แต่ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนที่จะช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นภายในกว่า 10,000 คนให้สามารถกลับบ้านได้ ชาวเมืองสู้รายหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงเรียนในตัวเมืองสู้เปิดการเรียนการสอนตามปกติ เว้นแต่โรงเรียนตามเขตพื้นที่ชนบทรอบนอกยังคงหยุดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของ SSPP/SSA เปิดเผยว่า เนื่องจากยังไม่มีการตกลงกับฝ่ายพม่าเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ควบคุม ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยหากชาวบ้านจะกลับบ้านในตอนนี้
มีรายงานว่า ดร.ชิตตู่เหว่ย ซึ่งเป็นนักแสดงหนังและนักร้องชื่อดังของพม่าพร้อมสามีได้เดินทางนำสิ่งของบริจาคไปช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นภายในจากสงครามที่หมู่บ้านไฮป๋าและหมู่บ้านว่านว้า โดยนักแสดงสาวกล่าวว่า ที่เดินทางมาเยี่ยมผู้หนีภัยสงครามในรัฐฉานครั้งนี้เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อนร่วมชาติ
“นี่คือแผ่นเดินของเราร่วมกัน พวกเขาก็เหมือนครอบครัวของฉันที่กำลังทุกข์ยาก ฉันอยากมาที่นี่เพื่อแสดงให้คนที่นี่เห็นว่า ฉันเป็นห่วงพวกเขาและจะอยู่เคียงข้างที่นี่กับพวกเขา” ชิตตู่เหว่ยกล่าว
ที่มา รอยเตอร์/Tai Freedom/Irrawaddy
แปลและเรียบเรียงโดย Transborder News