เมื่อวัน ที่ 17 ธันวาคม 2558 ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม นำคณะสื่อมวลชนราว 17 คนจากส่วนกลางลงพื้นที่ ลงเรือสำรวจสถานการณ์แม่น้ำโขง โดยล่องเรือจากอำเภอเชียงแสนถึงอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวในระหว่างนำคณะสื่อมวลชนล่องเรือว่า ระบบนิเวศในแม่น้ำโขงนั้นมีความซับซ้อน และในอดีตเคยเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก โดยระยะหลังตั้งแต่มีการพัฒนาด้วยโครงการขนาดใหญ่ทั้งท่าเรือพาณิชย์ เขื่อนกั้นน้ำโขง และการลงทุนปลูกกล้วยริมแม่น้ำโขงก็ส่งผลให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น ในอำเภอเชียงแสนนั้น หลังจากมีการระเบิดเกาะแก่งสร้างท่าเรือพาณิชย์ ก็พบว่าระดับน้ำขึ้นลงไม่ปกติ ท่วมและแล้งฉับพลัน นอกจากนี้การเดินเรือพาณิชย์ในช่วงฤดูแล้งก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะมีปัญหาตะกอน ขณะที่ชาวบ้านปลูกผักพื้นบ้าน บางครั้งก็เกิดปัญหาสารเคมีไหลรั่วมาจากพื้นที่สวนกล้วยที่ลงทุนโดยนักลงทุนชาวจีน ซึ่งเช่าพื้นที่ระยะยาวของชาวลาวเพื่อดำเนินธุรกิจ
“ปีนี้ที่เราสังเกตพบว่า แปลงผักริมน้ำไม่ค่อยมีเหมือนเมื่อก่อน อาจเพราะมีปัญหาเรื่องสารเคมีจากสวนกล้วย หน้าแล้งเรือก็ติดปัญหา เดินเรือลำบาก ถ้าน้ำท่วมแรง ชาวบ้านวางเครื่องมือดักปลาไว้ก็ถูกกระแสน้ำพัดน้ำเสียหาย พิษภัยจากเกษตรพาณิชย์ก็ส่งผลต่อเกษตรพื้นบ้าน ทำให้ชาวบ้านสองฝั่งโขงต้องทนรับสภาพปัญหาระยะยาว ชาวบ้านลุ่มน้ำโขงจึงรวมกัน 8 จังหวัดในประเทศไทยเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านโครงการขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขง และร่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในปีนี้มีเราเครือข่ายน้ำของและทุกคนที่สนใจ ก็ต้องเจอกับปัญหาหนักหัวมาอีกระลอก คือ กรณีรัฐบาลเตรียมทำเขตเศรษฐกิจพิเศษอำเภอเชียงของ ที่ชาวบ้านกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อวิธีการเกษตร ซ้ำกับวิกฤติแม่น้ำโขงที่ผ่านมา” นายนิวัฒน์ กล่าว
นายนิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ในวันที่ 18-19 ธันวาคม 2558 ทางเครือข่ายเตรียมจัดงานเปิดโฮงเฮียนน้ำของเพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องทั่วไปในอำเภอเชียงของและสนับสนุนข้อมูลด้านระบบนิเวศริมน้ำโขง ซึ่งภายในงานก็จะมีการเสวนาหาทางออกเรื่องสถานการณ์แม่น้ำโขงที่กำลังวิกฤติด้วย เพราะเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาส่วนรวม และคนรุ่นใหม่เองต้องรับรู้เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต