2 ปีมาแล้ว ถนนแทบทุกสายในเมืองเชียงของเงียบลงถนัดตา ภายหลังการเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขง ไทย-ลาว(เชียงของ-ห้วยทราย) รถยนต์และรถบรรทุกสินค้าที่เคยวิ่งเข้าออกท่าเรือเชียงของตลอดทั้งวัน จึงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งสู่สะพานสายใหม่ที่เชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจสายเอเชีย
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ‘เชียงของ’ กำลังเตรียมตัวเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายรัฐบาลภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ฉากโฉมของเชียงของจึงกำลังผันแปรจากวิถีที่เคยเป็นอยู่…
ผมมีโอกาสเดินทางพร้อมกับคณะสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ลงพื้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย สำรวจสถานการณ์แม่น้ำโขง ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่ชุมชนบุญเรืองที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เป็นส่วนหนึ่งในลุ่มน้ำอิงตอนปลาย ด้วยแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวขนาบไปกับที่ราบแอ่งกระทะกลางหุบเขา จึงทำให้สภาพนิเวศแถบนี้เป็นป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ของลุ่มน้ำอิง ที่มีเนื้อที่ 3,021 ไร่ หากเปรียบแม่น้ำอิงเป็นเส้นเลือดหลักของลุ่มน้ำ ป่าบุญเรืองผืนนี้ก็เปรียบเสมือน “หัวใจของลุ่มน้ำอิง” เนื่องจากชาวบ้านอาศัยพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติและดูแลรักษามานานหลายชั่วอายุคน จนปัจจุบันชุมชนร่วมกันจัดการในรูปแบบป่าชุมชน ที่ชาวบ้านอาศัยพึ่งพิงทั้งเป็นแหล่งอาหาร ไม้ใช้สอย สมุนไพร แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และยังเป็นแก้มลิงธรรมชาติที่รองรับน้ำหลากไม่ให้ท่วมพื้นที่เกษตรกรรมและหมู่บ้านโดยรอบ
ตามแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ป่าบุญเรืองถูกประกาศเป็นพื้นที่เป้าหมายที่รัฐเตรียมเข้ามาพัฒนา โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นิคมอุสาหกรรมประมาณ 1,800 ไร่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ประมาณ 1,200 ไร่ ซึ่งจะส่งผลให้ป่าผืนใหญ่ที่สุดของลุ่มน้ำอิงจะต้องถูกเพิกถอนจากสถานะพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศไว้ในปี 2510
ป้าพิมพรรณ วงศ์ไชยา อายุ 59 ปี เล่าว่า รู้สึกเสียใจมากที่รัฐบาลต้องการเอาพื้นที่ป่าบุญเรืองไปพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม เพราะป่าผืนนี้มีบุญคุณต่อชุมชน เลี้ยงปากท้องของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จึงอยากให้รัฐบาลอนุรักษ์ผืนป่านี้ไว้มากกว่าจะเอาไปพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
“ทุกวันนี้ชาวบ้านไม่สบายใจเลยตั้งแต่มีข่าวว่ารัฐจะเอาป่าบุญเรืองไปทำนิคม ลูกหลานที่ไปทำงานในเมืองก็บอกพ่อกับแม่ว่าต้องช่วยกันปกป้องป่าบุญเรืองไว้นะ เพราะเขาไม่อยากให้ชุมชนกลายเป็นเหมือนกรุงเทพหรือระยอง ที่มีแต่มลพิษและขยะ เราก็อยากจะเก็บความอุดมสมบูรณ์เอาไว้ให้ลูกหลานในวันที่เขาต้องกลับมาอยู่บ้าน”
ด้านลุงบุญช่วย กาละหัน อายุ 62 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า การที่ภาครัฐออกมาบอกว่าป่าบุญเรืองเป็นป่าเสื่อมโทรม และนำไปเป็นเหตุผลในการขอใช้เป็นพื้นที่เป้าหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นความสะเทือนใจของชาว
บ้านทุกคนที่ได้ยิน เพราะแสดงว่าคนที่กล่าวเช่นนี้ไม่เคยลงมาดูในพื้นที่ว่าชาวบ้านมีวิถีชีวิตและดูแลรักษาป่าให้อุดมสมบูรณ์กันอย่างไร
“เคยบอกกับผู้ว่าฯ เชียงราย ว่าท่านเป็นข้าราชการ ไม่นานท่านก็ต้องเกษียณ แต่ลูกหลานของชาวบ้านในอนาคตที่ต้องอาศัยพิงพิงป่าแห่งนี้ จะต้องอยู่กันอย่างไร ในเมื่อป่านับพันไร่ที่ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษา ให้ชาวบ้านพึ่งพิงตลอดทั้ง 3 ฤดูต้องถูกทำลายลงไป”
ต้นไม้สูงใหญ่และกิ่งก้านสาขาของพฤกษานานาชนิด ครอบคลุมทึมทมึนไปทั่วทั้งป่า ภายใต้หลังคาสีเขียวนี้เอง ชาวบ้านที่เดินนำคณะนักข่าวสำรวจผืนป่าอธิบายว่า ป่าบุญเรืองคือความพิเศษของธรรมชาติที่แตกต่างจากป่าโดยทั่วไป เพราะในฤดูน้ำหลากของทุกปี น้ำจะเอ่อขึ้นจากแม่น้ำโขงบรรจบจากน้ำหลากจากกว๊านพะเยา ท่วมเข้าสู่แอ่งที่ราบของป่าบุญเรืองยาวนาน 1-2 เดือน ในระดับ 1-3 เมตร ปลาหลายชนิดประมาณร้อยละ 80 ของพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง เช่น ปากกด ปลาคัง ปลาตะเพียน ปลาแค้ เป็นต้น จะเข้ามาขยายพันธุ์วางไข่ในป่าบุญเรืองแห่งนี้ ก่อเกิดเป็นแหล่งระบบนิเวศย่อยที่หลากหลายอันเชื่อมโยงกับแม่น้ำโขง
จากผลการศึกษาของโครงการอนุรักษ์แม่น้ำอิง ยังแสดงให้เห็นข้อเท็จจริงอันตรงกันข้ามจากเหตุผลที่ว่าป่าบุญเรืองอยู่ในสภาพป่าเสื่อมโทรม เนื่องจากพบว่าป่าบุญเรืองแบ่งเป็นสังคมพืชถึง 3 ประเภท คือ สังคมป่าชุ่มน้ำทนน้ำท่วม สังคมป่าชุ่มน้ำปนเบญจพรรณมีไผ่ และสังคมพืชป่าเบญจพรรณ ที่มีความสมบูรณ์ มีความหนาแน่นของต้นไม้เฉลี่ย 122 ต้นต่อไร่ มากกว่าเกณฑ์ป่าเสื่อมโทรมถึง 8 เท่า หรือมีต้นไม้ไม่เกินไร่ละ 16 ต้น รวมทั้งเป็นป่าที่มีศักยภาพในการดูซับคาร์บอนได้มากกว่า 26 ตันต่อไร่ ซึ่งถือมีศักยภาพสูงมาก
ลุงสงวน ยอดวิเศษ ชาวบ้านหมู่ 2 อายุ 60 ปี พาพวกเราเดินไปถึงกอไผ่ใหญ่ขนาดใหญ่กว่า 16 คนโอบ และเล่าว่าป่าบุญเรืองมีกอไผ่ใหญ่แบบนี้มากมาย ทุกๆ ปี ไผ่จะแตกหน่อและเจริญเติมโตขยายวงออกไปเรื่อยๆ ชาวบ้านก็จะอาศัยเก็บผักป่าและหน่อไม้ไปทำอาหาร หากเก็บได้มากจึงจะแบ่งขายภายในหมู่บ้าน ตลอดทั้งปีชาวบ้านไม่เคยขาดแคลนอาหาร เพราะพืชเหล่านี้จะหมุนเวียนกันผลิดอกออกผล
“ชาวบ้านจะไม่ล้มต้นไม้ใหญ่ จะตัดเพียงแต่กิ่งไปใช้เท่านั้น ทุกคนจะไม่จับปลาในเขตอนุรักษ์ เราอยากรักษาป่าไว้ให้อยู่คู่กับชุมชน ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ชาวบ้านร่วมกันสู้จะสำเร็จหรือไม่ แต่จะขอสู้ด้วยการอนุรักษ์อย่างเดียว ไม่เคยคิดจะทำลายป่าผืนนี้ จะสู้ถึงที่สุด แม้ว่ารัฐจะใช้กฎหมายสู้กับชาวบ้าน แต่ชาวบ้านยืนยันจะสู้ด้วยการอนุรักษ์”
ไม่นานนี้ชาวบ้านเพิ่งจะจัดพิธีบวชป่าบุญเรือง ซึ่งมีการวางกติกาชุมชนแบ่งเขตการใช้ประโยชน์จากป่า
โดยมีโซนฟื้นฟูรอบหนองบัวให้เป็นวนเกษตร โซนอนุรักษ์เสือปลา โซนวังอนุรักษ์พันธุ์ปลา และเตรียมจัดการให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และนิเวศวัฒนธรรม ระบบนิเวศป่าชุ่มน้ำ ที่จะอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากร ซึ่งจะเป็นมาตรการในการดูและอนุรักษ์ป่าชุมชน เพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับชาติตามความตั้งใจของชุมชนในการปกป้องป่าบุญเรือง
เย็นย่ำเต็มที ลมหนาวโหมให้รู้สึกสั่นสะท้าน ทั้งยังพัดกอไผ่ไหวเอนไปมาส่งสำเนียงป่า
กอไผ่ใหญ่กอนี้ เป็นไผ่ป่า ไผ่บางลำเลื้อยลัดกันไปมาก่อนแทงยอดชูใบขึ้นด้านบน ผมหวังว่าไผ่จะยังคงแตกหน่ออ่อนและเติบโตขยายกอไปเรื่อยๆ
————
โดย ชัยรัตน์ จิโรจน์มนตรี