เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2558 นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตส.ส.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าในการจัดงานแสดงแสงสีเสียงเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยที่ยิ่งใหญ่โดยจำลองการทำยุทธหัตถี ซึ่งจัดขึ้นทุกปีติดต่อกันมากว่าครึ่งศตวรรษ ที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-31 มกราคม ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะไม่ใช้สัตว์จริงร่วมแสดง โดยเฉพาะช้าง แต่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วย คือ จะเนรมิตช้างขึ้นมาด้วยเทคนิค 3D Animation ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านจอ LED ขนาดยักษ์ ใช้นักแสดงกว่า 700 คน ทั้งนี้ผู้ชมจะรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง
“ดิฉันตั้งใจและวางแผนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้มาร่วม 1 ปีแล้ว โดยหวังให้เป็นตัวอย่างการแสดงในที่อื่นๆที่ไม่ต้องมีการใช้ช้างจริง เพราะเบื้องหลังกว่าช้างจะมาแสดงได้ พวกเขาต้องถูกฝึกอย่างทารุณ ซึ่งดิฉันต่อต้านเสมอมา แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก้าวนี้และก้าวที่ผ่านๆมา จะเป็นทางให้เดินไปถึงเป้าหมายของการยุติการทรมานช้างสักวันหนึ่ง” น.ส.กัญจนา กล่าว
นายวีระชาติ โชตินคร นักอนุรักษ์ช้างประจำมูลนิธิบ้านช้างชรา จังหวัดกาญจนบุรี (Elephants World) กล่าวถึงการไม่ใช่ช้างจริงแสดงในงานแสดงแสงสีเสียงยุทธหัตถี ดอนเจดีย์ ว่าเป็นข่าวดีของประเทศไทยอย่างมากที่ปรับตัวเข้ากับสังคมที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ช้าง โดยหากพิจารณาในมุมของนักอนุรักษ์แล้ว เป็นข่าวดีสะท้อนว่ามนุษย์มีใจเมตตากับสัตว์อ่อนโยนอย่างช้างมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาพยนตร์ ละคร การแสดงสด หลายครั้งที่ใช้ช้างจริงนั้น มีส่วนรบกวนช้างเสมอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความแสนรู้ของช้างที่ผ่านการฝึกอย่างหนัก ทำให้ภาพของช้างออกมาดูเชื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วช้างบางเชือกก็ผ่านความทรมานมา โดยภาพการทรมานนั้นไม่ปรากฏผ่านจอภาพยนตร์ ภาพถ่าย หรือหลักฐานใดๆออกสื่อ
“อย่างช้างเดินตามถนนในเมืองใหญ่ให้คนป้อนอาหาร ควาญช้างมีการใช้ตะขอดึงหู ตีก้น ดึงหาง ซึ่งน่าสะเทือนใจ แต่พอฉายออกมาเป็นภาพยนตร์ คนดูใช้ความรู้สึกต่างกันออกไป เช่น ถ้าคนขี่ช้างเป็นฮีโร่ ถือดาบ ฟันศัตรู ฆ่าคู่ต่อสู้ เลือดอาบ มีเอฟเฟกซ์ระเบิด ปืน เกิดขึ้น แล้วช้างเล่นไปตามบท คือ เจ็บแต่ยอมเคียงข้างฮีโร่ คนดูจะรู้สึกว่าช้างแกร่ง เก่ง และกตัญญูต่อประเทศ แต่ไม่มีใครนึกเผื่อว่า กว่าเขาจะผ่านบทนี้มาได้ ฉากนี้มาได้ เขาเจออะไร เพราะคนดูไม่ได้เห็นตอนถ่ายทำ และบางทีก็ปิดกั้นคนนอก ภาพของช้างจึงดูโอเว่อร์กว่าสัตว์อื่น ในขณะที่สัตว์อื่นถูกนำเสนอแค่ความน่ารักตามธรรมชาติ แต่ช้างถูกสร้างภาพให้เป็นเหนือธรรมชาติ เพื่อให้คนอินและเข้าใจว่า ช้างมีประโยชน์ต่อประเทศไทย ซึ่งในอดีตมีจริง ประวัติศาสตร์มันมีจริง แต่ปัจจุบันความผูกพันของคนกับช้างมีหลายแง่มุม ไม่ได้มีแค่นั้น ผมยังสงสัยเสมอว่าทำไมคนไทยไม่สร้างหนังแบบแอบช่วยช้าง ชีวิตช้างป่า หรือความอ่อนโยนแง่มุมอื่นให้มากๆ เพื่อให้คนดูพยายามเข้าใจความรู้สึกช้างในอีกด้านบ้าง ผมว่าน่าจะทำให้ช้างมีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากกว่านี้” นายวีระชาติ กล่าว
ด้านนายสาธิต ไกรทอง นักสัตวบาลอิสระ กล่าวว่า จริงๆแล้วการแสดงละครโดยใช้ช้างยังเป็นที่นิยมมาก และสามารถใช้ได้ในบางฉาก เช่น กรณีนักสร้างภาพยนตร์จ้างช้าง จ้างควาญช้างถ่ายทำฉากช้างเดินขบวน เพื่อให้เห็นช้างจำนวนมาก และเป็นฉากกลางวันก็อาจจะส่งเสริมให้ภาพยนตร์ดูดีขึ้นมาได้ แต่ช่วงของ การทำเอฟเฟกเสียง แสงมากมาย หลายสีสัน หรือประเภท เขียนข้อความ ทาสีช้าง แล้วใช้ผ้า ใช้เครื่องประดับ ธรรมชาติของสัตว์ที่สุขุมแบบช้าง เขาย่อมไม่พอใจแน่ๆ ดังนั้นถ้าเป็นภาพแบบแอนิเมชั่นในส่วนทำสงคราม จะดีมาก แม้จะดึงดูดความสนใจได้น้อย แต่คนสร้างภาพยนตร์ใช้ช่องทางอื่นอธิบายให้คนดูเข้าใจได้ ว่า การสร้างแอนิเมชั่นขึ้นมาแทนเพื่อลดการรบกวนช้าง สัตว์ในประวัติศาสตร์ไทย
“ช้างที่คุ้นชิน อาจจะไม่มีปัญหามาก การจ้างช้างทำภาพยนตร์ก็ช่วยสร้างรายได้แก่คนเลี้ยงช้าง แต่ถ้ามากไป กลายเป็นธุรกิจส่งเสริมการท่องเที่ยว ความบันเทิง ผมคิดว่ามันละเมิดสัตว์มากไป แต่แคมป์ช้างที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของช้างก็มีมากมายในเมืองไทย อย่างช้างที่มูลนิธิบ้านช้างชราก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ส่งเสริมให้คนไทยหันมามองภาพชีวิตจริงของช้างที่เขาแก่ เขาป่วย เขาเจ็บ ดังนั้นหากใช้แอนิเมชั่นยุทธหัตถีขึ้นมาแทนช้างจริง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมเองอยากให้คนดูมองช้างในอีกมิติหนึ่ง ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของไทยที่ทำสงครามในอดีต” นายสาธิต กล่าว
//////////////////////