Search

บันทึกการปฏิวัติกะเหรี่ยง ค.ศ.1947-2008 ตอนที่ (10) ศูนย์บัญชาการ “มาเนอปลอ”

note2
หลังจากที่นายพล โบเมียะ รวมถึงผู้นำคนอื่นมีมติให้รวมกลุ่มกะเหรี่ยงทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การบริหารของสหภาพกะเหรี่ยง KNU กระทั่งมีการโครงสร้างความร่วมมือระหว่างชาติพันธุ์ในนาม NDF – National Democratic Front มีรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น และมีการก่อตั้งค่ายมาเนอปลอ ศูนย์บัญชาการกลางสหภาพกะเหรี่ยง KNU รวมถึงเป็นศูนย์ประสานงานกลางขององค์กรชาติพันธุ์ต่าง ในปี ค.ศ. 1974

12516185_1031377340238884_1464507003_n
ช่วงเดือนเมษายน ค.ศ. 1975 KNUP นำโดย นายพลเมียะ หม่อง, พ.อ. จ่อ ตอง และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางบางส่วน รวมถึงทหารทั้งหมด 100 คน เดินทางออกจากพื้นที่ พะโค โยมะ และเดินทางแม่น้ำซิ ตอง บริเวณหมู่บ้านเมะตะเหล่ เขตอำเภอจ๊อกจี มายังภาคตะวันออกของรัฐกะเหรี่ยง ระหว่างข้ามน้ำถูกทหารพม่าดักยิงทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 คน พอเดินทางมาถึง หมู่บ้านปะฮี่เปอโข่ เกิดการปะทะกับข้าศึกอีกครั้ง จากหน้าคณะเข้ามายังเขตพื้นที่ จอข่าเดอ ได้ปะทะกับทหารกะเหรี่ยงกองพลที่ 3 อีกครั้ง ทำให้ทำทหารของนายพล เมียะ หม่อง เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ในช่วงเดือนมิถุนายน พวกเขาก็เคลื่อนกำลังมาถึงศูนย์บัญชาการกลาง

วันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 มีการก่อตั้ง Federal National Democratic Front (FNDF)
วันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1975 KNUP กับ KNU ประชุมหารือกันอีกครั้งและครั้งนี้ทั่งสองกลุ่มกลับมาร่วมงานกันด้วยความสามัคคี
วันที่ 13 – 28 ตุลาคม ค.ศ. 1975 KNUP มีการจัดประชุมขึ้นที่พื้นที่บือต่าเค ทบทวนการทำงานของพรรคต่างๆ และมีมติยุติการดำเนินงานโดยระบบพรรคการเมือง
วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1975 ผู้นำกะเหรี่ยงทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกันที่จะทำงานร่วมกันในนาม สหภาพกะเหรี่ยง KNU ตามแนวทางปฏิบัติงานที่วางไว้ในปี ค.ศ. 1974

ต้นปี ค.ศ. 1975 รัฐบาลพม่าเริ่มยุทธการตัด 4 ตัด ในพื้นที่กองพลภาคตะวันออกทั้งหมด เปิดศึกใหญ่รวมถึงทำร้ายชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ด้วย เกิดความอดอยาก และหลายชีวิตต้องตายลงในป่าลึก ชาวบ้านไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านเดิมได้ ต้องหนีเอาชีวิตรอดออกจากพื้นที่ และอพยพเข้ามาในเขตอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนของประเทศไทย ค่ายผู้หนีภัยแห่งแรกของชาวกะเหรี่ยงเรียกว่าค่ายพะแหล่ พื้นที่ทางเหนือของหมู่บ้านจอท่า

ในปี ค.ศ. 1975 กองบัญชาการกลาง KNU จัดอบรมวิชาการเมืองการปกครอง ในเขตพื้นที่จังหวัดพะอัน ซึ่งผู้นำในการอบรมประกอบด้วย ประธานมานบะซาน, พ.อ. ซาน อ่อง, พ.อ. หม่อง หม่อง และพะโด่ สะกอ เหล่อ ตอ ผู้เข้ารับการอบรมมาจากทุกพื้นที่ของเขตปกครองกะเหรี่ยงจำนวนทั้งหมด 70 กว่าคน
และช่วงปีเดียวกันนี้ มีการฝึกร่วมระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์ในพื้นที่ค่ายมาเนอปลอ โดยมีกองกำลังที่เข้าร่วมการฝึกได้แก่ กะเหรี่ยง, ไทใหญ่, คะเรนนี, คะฉิ่น และอาระกัน

วันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1976 เมื่อกะเหรี่ยงทุกกลุ่มรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ จากนั้นจึงมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้กับผู้นำแต่ละฝ่าย ขณะนั้นประธานมาน บะซาน อายุมากขึ้นและเริ่มมีปัญหาสุขภาพ ที่ประชุมจึงมีมติให้เป็นคณะกรรมอาวุโส และที่ประชุมเห็นชอบให้ นายพลโบเมียะ ขึ้นเป็นประธาน, พะโด่ ส่า มยิ เป็นรองประธาน, พ.อ. หม่อง หม่อง เป็นเลขาธิการ, พ.อ. ซาน อ่อง เป็นรองเลขาธิการ, พะโด่ บะเต็ง เป็นหัวหน้าฝ่ายการศึกษา พะโด่ ชา เหล่ เป็นหัวหน้าฝ่ายสาธารณะสุข, อู โซ อ่อง เป็นหัวหน้าฝ่ายเกษตร, พะโด่ เมียะหม่อง เป็นหัวหน้าฝ่ายเหมืองแร่, พะโด่ สะกอ เหล่อ ตอ เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารกิจการองค์กร และ พะโด่ เก เดว บวา เป็นหัวหน้าฝ่ายขนส่ง ขณะเดียวกันมีวางศูนย์อำนวยการกลางองค์กรต่างที่ค่ายมาเนอปลอ เช่น ศูนย์ประสานงานองค์กรชาติพันธุ์ต่างๆ, สำนักงานการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานบริหารการปกครองฝ่ายต่างๆ

วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1976 มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ NDF (National Democratic Front) ที่ค่ายมาเนอปลอ โดยมี มาน บะซาน เป็นประธานองค์กร และมีสมาชิกจาก 9 กลุ่มจากชาติพันธุ์ต่างๆ จากนั้นมีการจัดตั้งกองกำลัง NDF และแบ่งเขตงานรับผิดชอบร่วมกันซึ่งหน่วยดังกล่าวเป็นหน่วยสนับสนุนการรบในพื้นที่ต่างๆของชาติพันธุ์

เริ่มตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1970 – 1983 สหภาพกะเหรี่ยง KNU เริ่มทำการเปิดด่านการค้าชายแดนต่างๆเพื่อหารายได้ในการบริหารงานการปฏิวัติ ด่านที่เปิดได้แก่ ด่านจอท่า, ด่านส่อแลท่า (แม่สามแลบ), ด่านแม่แหละท่า, ด่านแม่ตะวอ, ด่านมอโพเก่, ด่านแม่สลิด, ด่านกอมูร่า (วังข่า), ด่านพะลู, ด่านเจดีย์สามองค์, ด่านนะเอ่ถ่อ และด่านโมต่อ ในยุคนั้นมีนักธุรกิจเข้ามาค้าขายจำนวนมาก และเป็นยุคที่รุ่งเรืองของงานปฏิวัติ

เดือนมีนาคม ค.ศ. 1977 กองทัพพม่าทำการโจมตีค่ายกอมูร่า(เก่า) อย่างหนัก โดยกองทัพพม่าระดมยิงปืนใหญ่ 120 ม.ม. จากเมืองเมียวดีมายังค่ายกอมูร่า รวมถึงเข้าตีหน้าด่านด้วยเหล่าทหารราบจำนวนมากแต่ไม่สามารถเข้ายึดค่ายกอมูร่าได้ และยุคนี้เป็นยุคที่เริ่มเปิดให้มีการค้าไม้ และกลุ่มกะเหรี่ยงมีรายได้เข้ามาสำหรับการบริหารจำนวนมาก กองกำลัง KNLA จึงเริ่มทำรบทุกรูปแบบ ทั้งเปิดศึกใหญ่ในสมรภูมิต่างๆ การรบระดับกองพัน การเปิดศึกรบของหน่วยลาดตระเวน รวมถึงการซุ่มโจมตีแบบกองโจร ทำให้กองทัพพม่าเสียหายอย่างหนัก

วันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1980 กองทัพพม่าระดมพลเปิดศึกค่ายแม่ตะวอ และทำการเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1982 ถึงช่วงเดือนมกราคม ค.ศ. 1983 มีการเปิดอบรมวิชาการเมืองการปกครองที่ค่ายมาเนอปลอ โดย พะโด่ สะกอ เหล่อ ตอ เป็นครูใหญ่ และมีผู้นำส่วนกลางหลายท่านร่วมเป็นวิทยากรอบรม มีเข้าร่วมจากทุกพื้นที่ของเขตปกครองกะเหรี่ยงทั้งหมด 200 กว่าคน

วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1983 กองกำลัง KNLA เข้าไปทำการจับกุมสองสามีภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่โรงงานปูนซีเมนต์ เมืองเมียนกะเล เขตจังหวัดพะอัน และปฏิบัติการในครั้งนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่ในประเทศ
ในช่วงปี ค.ศ. 1983 KNU ได้ก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง (Broadcast Station) ที่ค่ายมอโพเก่ โดยมี พะโด่ ซอ ตอ, พะโด่ โกล่ ทู และคณะ เป็นหัวหน้าฝ่ายรับผิดชอบงานวิทยุกระจายเสียง

กองทัพพม่าทำการโจมตีที่มั่นตลอดแนวชายแดน ช่วงปี ค.ศ. 1984-1987
วันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1984 กองทัพพม่าทำการโจมตีค่ายแม่ตะวออย่างหนักกระทั่งปฏิบัติการยึดค่ายแม่ตะวอได้ ขณะเดียวกันทำการเข้าตีด่านการค้าชายแดนในหลายพื้นที่ ฝ่ายกะเหรี่ยงต้องเสียด่านการค้าชายแดนให้ข้าศึกไปหลายด่าน

กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984 สถานีวิทยุกระจายเสียง (Broadcast Station) ที่ค่ายมอโพเก่ ถูกย้ายไปยังพื้นที่อื่นเพื่อความปลอดภัย และในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ กองทัพพม่าสามารถเข้ายึดค่ายมอโพเก่ได้สำเร็จ

วันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1984 ขณะที่มีการรบอย่างในพื้นที่ค่ายกอมูร่า มีเฮลิคอปเตอร์ของบังกลาเทศลำหนึ่งบินข้ามเข้ามายังพื้นที่ค่าย ทหารกะเหรี่ยงจึงทำการยิงเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกลงมายังฝั่งประเทศไทย จากการตรวจค้นพบว่ามีการขนเงินจำนวนมากซึ่งคาดว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ช่วงเวลานั้นมีผู้หนีภัยการสู้รบเข้ามาหนีภัยในฝั่งประเทศไทยจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก เช่น ค่ายพักพิงโชโกล, เขล่อโข่, บอ หน่อ, เหล่อ เปอ เฮอ และค่ายห้วยกะโหล (อ.แม่สอด จ.ตาก) รวมถึงหลายครอบครัวที่เข้ามาหลบซ่อนตามชายแดน และเป็นช่วงที่กองกำลังกะเหรี่ยงเริ่มต้องชะลอการโจมตีกองทัพพม่าในพื้นที่แนวหน้า เพื่อนำกำลังกลับมาคุ้มกันด่านการค้าชายแดนต่างๆบริเวณชายแดน

ในช่วงปี ค.ศ. 1984 กองทัพพม่าทำการโจมตีพื้นที่หน้าด่านค่ายกอมูร่าอย่างหนัก แต่ไม่สามารถทำการยึดพื้นที่ได้ กองทัพพม่าจึงข้ามแม่น้ำเมยและโจมตีค่ายกอมูร่าจากฝั่งประเทศไทย การโจมตีตลอดทั้งวัน มีทั้งการเปิดศึกใหญ่ และการโจมตีหน่วยเล็ก ฝ่ายทหารกะเหรี่ยงสามารถยึดยุทโธปกรณ์ของกองทัพพม่าได้จำนวนมาก