เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2559 คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้นายวิทยา แก้วบัวขาว ชาวบ้านตำบลหนองกินเพลและตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ยื่นหนังสือต่อนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการกสม.และประธานอนุกรรมการฯ เพื่อร้องเรียนขอความช่วยเหลือกรณีที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยชาวบ้านจำนวนมาก
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการยื่นหนังสือว่า ในฐานะสมาชิกกลุ่มพิทักษ์สิทธิชุมชนและที่ดินทำกินตำบลหนองกินเพลและตำบลบุ่งหวาย ได้ยื่นร้องเรียนต่อกสม.เพื่อให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ซึ่งมีชาวบ้านหลายราย ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีนายทุนฟ้องร้องดำเนินคดีบุกรุกที่ดิน จนส่งผลให้ชาวบ้านบางคน รวมทั้งตนถูกจำคุกและคุกคามทางวาจาหลายครั้ง ซึ่งกรณีคดีของตนใช้เวลาต่อสู้นานหลายปี กระทั่งศาลปกครองได้พิจารณาคดีให้ตนและครอบครัวชนะ และสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิอันไม่ชอบธรรม แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการ ใดๆ จึงอยากจะร้องเรียนกสม.ให้ความช่วยเหลือต่อไปเพราะชาวบ้านทุกคนยืนยันว่าทำกินอยู่ในพื้นที่นี้มานาน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า นอกจากที่ดินส่วนบุคคลของชาวบ้านที่นายทุนออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบธรรมแล้ว ยังมีที่ดินสาธารณะหาดเว ซึ่งกำลังถูกบุกรุกอย่างหนักด้วย ทั้งนี้ชาวบ้านเห็นว่า ที่ดินดังกล่าวควรเป็นพื้นที่ทำประโยชน์สำหรับชุมชนระยะยาว
นางเตือนใจกล่าวว่า จะนำประเด็นนี้ไปหารือกันในคณะอนุกรรมการฯ พร้อมทั้งนำเรื่องเดิมซึ่งกสม.ชุดเก่าเคยพิจารณาไว้แล้วมาประกอบเพราะกรณีที่เกิดขึ้นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาแล้วยาวนาน ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดเยียวยาให้พวกเขา
ด้านนางทองสา มาเลิศ ชาวบ้านทุ่งบอน ตำบลบุ่งหวาย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนและชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวชุมนุมกันหน้าสำนักงานบังคับคดี จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อเรียกร้องให้กรมบังคับคดีคืนความเป็นธรรมกรณีที่ดินของตนถูกนายทุนอ้างกรรมสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินเนื้อที่. 2 ไร่ที่ตนปลูกมันสำปะหลังเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่นายทุนกลับประกาศขายตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการต่อสู้คดี ตนจึงอยากให้กระบวนการต่อสู้สิ้นสุดก่อน จึงขอคัดค้านการประกาศขายที่ดิน
นางทองสา กล่าวว่า คดีความดังกล่าวระหว่างตนและนายทุนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งขณะนั้นตนแพ้คดี และนายทุนได้ออกโฉนดครอบที่ดินชาวบ้านรวมกับที่ดินของตนกว่า 40 ไร่ โดยไม่มีการลงมารังวัดตรวจสอบว่าโฉนดดังกล่าวครอบคลุมที่ดินใครบ้าง แต่นายทุนกลับเลือกที่จะฟ้องครอบครัว เพียงครอบครัวเดียว
“อยู่ๆก็มาฟ้องป้า ป้าไม่มีเงินสู้คดี ลูกก็เลยไปยืมเงินเขามา เอาที่นาไปจำนองที่ ธกส.ใหม่ ก่อเป็นหนี้ใหม่อีก ต่อมาเขาก็ยึดบ้าน ยึดที่ดินซึ่งป้าก็ไม่รู้ว่าการต่อสู้จะเป็นไปยังไง แต่ป้าไม่อยากอยู่อย่างสิ้นหวังและอยากจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของป้าอีกครั้ง”นางทองสา กล่าว
////////////