Search

เคเอ็นยูตั้งกก.กะเหรี่ยงดูแลส่งกลับผู้ลี้ภัย รองผบ.สส.ชี้ควรให้ชาวบ้านกลับถิ่นเดิม มิใช่ย้ายไปที่ใหม่ จี้กองทัพพม่าแสดงความจริงใจถอนกำลังออกจากรัฐกะเหรี่ยง

13275478_867341176727278_1004128238_o

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ค่ายเลวา ศูนย์บัญชาการใหญ่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(เคเอ็นยู) จังหวัดพะอัน ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสภากะเหรี่ยง พล.อ.บอ จ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.)เคเอ็นแอลเอ ได้แถลงถึงท่าทีในการส่งกลับผู้ลี้ภัยตามศูนย์อพยพต่างๆชายแดนไทยกลับคืนสู่พม่า ว่าจริงๆแล้วการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศในสัญญาหยุดยิงนั้น เพื่อให้เกิดความสงบสุขในประเทศพม่าและเพื่อให้ผู้ลี้ภัยฝั่งไทยและผู้พลัดถิ่นในประเทศพม่าได้กลับไปสู่พื้นที่บ้านเกิดของตัวเอง แต่หลังจากมีรัฐบาลใหม่ การทำงานของคณะทำงานเรื่องหยุดยิงก็ยังไม่มีความคืบหน้า อาจเป็นเพราะช่วงเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลและดำเนินการภายใต้กองทัพ ทั้งๆที่เป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ

พล.อ.บอ จ่อ แฮ กล่าวว่าเคเอ็นยูควรมีคณะกรรมชุดหนึ่งที่ทำงานร่วมกับผู้ลี้ภัยฝั่งไทยเพราะหลังจากมีกระแสข่าวว่ามีการเตรียมพื้นที่รองรับผู้ลี้ภัยกลับประเทศบ้านเกิด ตนได้พบกับประธานผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง(เคอาร์ซี) ซึ่งได้เดินทางไปพบตัวแทนรัฐบาลพม่าเมื่อไม่นานนี้ เมื่อเขาถามถึงแผนรองรับของทางการพม่ากลับไม่มีการเตรียมการใดๆ เมื่อเคเอ็นยูได้ข้อมูลเช่นนี้ จึงมองว่าการจัดตั้งคณะกรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคเอ็นยูควรรับผิดชอบ

รองผบ.สส.กล่าวว่า ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1976-7 กองทัพพม่าเริ่มนโยบายตัด 4 ตัดซึ่งเปลี่ยนจากการรบกับทหารเป็นการรบกับชาวบ้าน ขณะนั้นประชาชนเริ่มต้องหนีออกจากหมู่บ้านของตัวเอง และเคเอ็นยูเป็นฝ่ายประสานให้ชาวบ้านลี้ภัยเข้ามาอยู่ประเทศไทย ขณะนี้ถึงเวลาส่งกลับแล้ว ในเมื่อเราประสานตั้งแต่ต้นก็ต้องเตรียมการให้เขากลับด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในขณะที่รัฐบาลไทย และรัฐพม่า รวมถึงยูเอ็นเอชซีอาร์มีคณะกรรมดูแลเรื่องผู้ส่งกลับ แล้วเคเอ็นยูจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างไร พล.อ.บอจ่อ กล่าวว่ารัฐบาลไทยและพม่าก็ทำไป แต่ในส่วนของเคเอ็นยูก็ต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานด้านนี้เพื่อทำงานร่วมกัน โดยประสานกับรัฐบาลไทย รัฐบาลพม่า และยูเอ็นเอชซีอาร์

“สิ่งสำคัญคือตอนนี้แม้จะมีการลงนามหยุดยิงกันแล้ว แต่กองทัพพม่ายังไม่ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่บางส่วนของรัฐกะเหรี่ยง ขณะเดียวกันก็มีการปรับโครงสร้างทหารพม่าให้ใหญ่ขึ้น บางพื้นที่มีการเสริมกำลัง บางพื้นที่มีการทำฐานที่มั่นให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เรายังไม่เห็นการเติบโตชัดเจน แต่หากปล่อยไปก็เหมือนต้นไม้ที่ใหญ่ขึ้น และสุดท้ายยากที่จะแก้ไข ดังนั้นง่ายนิดเดียวหากกองทัพพม่าถอนกำลัง ก็จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ชาวบ้านที่จะกลับไป”พล.อ.บอ จ่อ แฮ กล่าว

รองผบ.สส.กล่าวว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยในการรับผู้ลี้ภัยกลับประเทศคือ 1.ความปลอดภัย 2.การจัดการด้านการศึกษา 3.การจัดการด้านสาธารณสุข เพราะขณะที่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ต้องการกลับไปยังบ้านเดิมตัวเอง แต่สิ่งที่รัฐบาลพม่าจัดสรรตอนนี้คือไม่ใช่พื้นที่บ้านเกิดของพวกเขาซึ่งก็เหมือนการย้ายผู้ลี้ภัยจากที่หนึ่งไปยังที่ใหม่ ถ้ามีคณะกรรมการที่จะเกิดขึ้นของเคเอ็นยู ซึ่งก็จะมีการหารือกันว่าจะจัดสรรให้กลับไปอยู่ถิ่นเดิมของตัวเอง แต่บางพื้นที่ที่เปลี่ยนสภาพเช่นมีการสร้างเขื่อน เราก็จะจัดพื้นที่ที่เหมาะสมใกล้เคียงกับพื้นที่เดิมที่เคยอยู่ และสุดท้ายเมื่อการเตรียมการเสร็จก็ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยได้เข้าไปเยี่ยมชมดูก่อนเพื่อตัดสินใจเองโดยไม่ใช้กระบวนการบังคับ ขณะเดียวกันผู้ลี้ภัยที่อยู่ในไทย บางกลุ่มอยู่กว่า 40 ปีแล้ว ดังนั้นคณะกรรมต้องคัดกรองว่าเป็นผู้หนีภัยสงครามมาตั้งแต่เบื้องต้นและยังมีถิ่นที่อยู่เดิมหรือไม่ เพราะรูปแบบการลี้ภัยอยู่ในค่ายระยะหลังเปลี่ยนไป

“เรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนที่เคเอ็นยูต้องดำเนินการ เพราะหากไม่ทำอะไรก็เหมือนเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ต่อประชาชนของตัวเอง” พล.อ.บอ จ่อ แฮ กล่าว และว่าในส่วนกรณีความคืบหน้าเรื่องการรวมกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่างๆของกะเหรี่ยงให้เป็นหนึ่งเดียวนั้น เมื่อเดือนก่อนได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างกลุ่มต่างๆที่จะทำงานร่วมกัน แต่การจะให้เป็นหนึ่งเดียวกันนั้น ยังต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกัน
———————–

On Key

Related Posts

ผวจ.เชียงรายยังไม่รู้เรื่องน้ำกกขุ่นข้น-เตรียมสั่งการทสจ.ตรวจคุณภาพน้ำ คนขับเรือเผยน้ำขุ่นต่อเนื่องตั้งแต่อุทกภัยใหญ่ 6 เดือนก่อน ผู้เชี่ยวชาญชี้ดินโคลนจากเหมืองทองเสี่ยงสารปรอทปนเปื้อน ระบุการตรวจสอบต้องทำให้ถูกวิธี เก็บตัวอย่างตะกอนดิน-ปลานักล่า

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่Read More →

กรมควบคุมมลพิษลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำกก-ตรวจสารไซยาไนด์เหมืองทอง คาดรู้ผลภายใน 1 เดือน นักวิชาการเผยทหารว้าจับมือจีนแผ่อิทธิพลถึงชายแดนไทยใช้กลยุทธ์คุมต้นน้ำ-สร้างเหมืองกระทบไทย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 นายชัยวัฒน์ ปันสิน ผู้อRead More →

ผู้ตรวจการแผ่นดินหวั่นโครงการสร้างเขื่อนใหญ่กั้นโขงส่งผลกระทบเขตแดนไทย แนะสร้างกลไกหารือร่วมกับภาคประชาชน กรมสนธิสัญญาอ้างยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ ภาคประชาชนจวก สนทช.งุบงิบข้อมูลจัดประชุมกรณีเขื่อนสานะคามแล้ว 4 ครั้ง

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมRead More →

หวั่นท่องเที่ยวพินาศหลังน้ำกกกลายเป็นสีขุ่นข้นจากเหมืองทองตอนบนในพม่า นายกฯอบต.ท่าตอนเตรียมทำหนังสือจี้รัฐบาลเร่งแก้ไข-ชาวเชียงรายเริ่มไม่กล้าเล่นน้ำ เผยปลาหายไป 70% ทสจ.ส่งทีมตรวจสอบคุณภาพน้ำ

———เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 พ.Read More →