เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร จัดการแถลงข่าวถึงผลกระทบจากการจัดระเบียบผู้ค้าแผงลอยบริเวณถนนข้าวสาร โดยมีผู้ค้าแผงลอยกว่า 100 คน เข้าร่วม
นางสาวญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตัวแทนผู้ค้าแผงลอยพยายามขอเข้าพบตัวแทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาโดยตลอดเพื่อขอมีส่วนร่วมในการพัฒนาถนนข้าวสารจนมาถึงการเข้ามาจัดระเบียบครั้งนี้ แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าพบ จึงจำเป็นต้องชี้แจงผ่านสื่อมวลชนในวันนี้ โดยเฉพาะการที่นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำหนดแนวทางการจัดระเบียบว่าจะให้ขายตั้งแต่วันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ เวลา 18.00 น.- 24.00 น. และจะเป็นการให้สิทธิ์ได้เพียงร้อยละ 30 ของผู้ค้าที่ลงทะเบียนไว้กับสำนักงานเขตพระนครเท่านั้น ซึ่งผู้ค้าบนถนนข้าวสารหารือกันแล้วว่าไม่สามารถยอมรับได้ต่อแนวทางดังกล่าว เนื่องจากจะกระทบต่อผู้ค้าที่มีอยู่ประมาณ 250 ราย และส่งผลต่อบรรยากาศของถนนข้าวสารและจะทำให้นักท่องเที่ยวลดลงได้
“เราพยายามเข้าไปพบเพื่อขอมีส่วนร่วมในการจัดระเบียบถนนข้าวสารมาตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากยอมรับว่ามีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ไข ซึ่งเราพร้อมจะทำทุกขั้นตอนกับ กทม. เพียงแต่ต้องเป็นแนวทางที่คนในพื้นที่ข้าวสารมีโอกาสร่วมเห็นชอบด้วย” นางสาวญาดา กล่าว
ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยฯกล่าวอีกว่า รายชื่อผู้ค้าที่ กทม.ระบุว่ามีการลงทะเบียนไว้แล้วนั้น น่าจะไม่ใช่รายชื่อที่ถูกต้อง และผู้ค้าทุกคนไม่ทราบการลงทะเบียนดังกล่าวด้วย อีกทั้งชมรมผู้ค้าฯ มีการจัดทำข้อมูลผู้ค้าและร้านค้าทั้งหมดไว้ตั้งแต่ปี 2548 แต่ไม่เคยได้รับการประสานขอข้อมูลจาก กทม.เลย จึงเชื่อว่านายวัลลภน่าจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากทางผู้ใหญ่ต้องการข้อมูลทั้งหมด ชมรมผู้ค้าพร้อมที่จะไปพบเพื่อร่วมหารือการจัดระเบียบที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านนายวิสุทธิ์ กิตติรวีโชติ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตพระนคร กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องการจัดระเบียบถนนข้าวสารเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ผู้ค้าจะไปเปลี่ยนแปลงได้ยาก แต่สิ่งสำคัญที่กทม.ควรคำนึงถึงคือต้องให้สิทธิ์กับผู้ค้าเดิมคนละ 1 แผงค้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ แต่การขยายกำหนดวันอนุญาตขายนั้น ผู้ค้าสามารถรวมตัวไปเรียกร้องกับกทม.ได้ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้กทม.มองถึงเสน่ห์ของถนนข้าวสารด้วยว่า แผงค้าต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดึงดูนักท่องเที่ยว เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของถนนข้าวสาร
ด้านผู้ค้ารายหนึ่ง เปิดเผยว่า การเร่งรัดการจัดระเบียบถนนข้าวสารน่าจะเชื่อมโยงถึงเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ เนื่องจากขณะนี้กลุ่มทุนได้กว้านซื้ออาคารหลายหลังเตรียมพัฒนาเป็นแหล่งช็อปปิ้ง โรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งอาจมีความพยายามผลักดันให้ให้มีการไล่รื้อผู้ค้าแผงลอยเพื่อเอื้อต่อธุรกิจทีจะเกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กทม.ได้เข้ามาทำความสะอาดพื้นที่ทุกวันจันทร์จากที่ไม่เคยลงมาเลย ซึ่งการทำความสะอาดและการจัดระเบียบตนเอง ผู้ค้าได้ร่วมมือกันทำมาตลอดหลายปีอยู่แล้ว นอกจากนี้วันจันทร์ที่ผ่านมาที่เป็นวันหยุดตามระเบียบ กลับมีการประกาศให้ผู้ค้าสามารถขายได้ แต่เมื่อผู้ค้าบางรายตั้งแผงค้า เจ้าหน้าที่เทศกิจก็จับกุมเปรียบเทียบปรับ โดยมีการถ่ายภาพและถูกนำไประบุว่า ผู้ค้าบนถนนข้าวสารเป็นผู้ฝ่าฝืนต้องเร่งจัดระเบียบโดยเร็ว
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว กลุ่มผู้ค้าได้ร่วมกันเดินถือป้ายที่มีข้อความว่า “พวกเราผู้ค้าแผงลอยถนนข้าวสาร ขอคัดค้านการยกเลิกแผงลอยถนนข้าวสารของกทม.” ไปตามถนนข้าวสาร เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยได้รับกำลังใจจากผู้ค้าตลอดเส้นทาง
——————