เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมบรรยายพิเศษการสัมมนา “อนาคตเชียงราย: การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ กับการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมี 15 องค์กรชุมชน 4 องค์กรธุรกิจ นักศึกษา เข้าร่วมประชุม ห้องประชุม อาคาร E-Park มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดโดยศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่ สำนักวิขานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
นายภาคภูมิ วิธานติรัตน์ อนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในกสม. กล่าวว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเดียวกัน และไม่สอดคล้องกับทิศทางพัฒนาของจังหวัดเชียงรายที่วางไว้ จึงเห็นควรมีการมาพิจารณาปัญหา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาข้อจำกัดบางประการ ส่วนจะไปอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคนเชียงรายพิจารณา จากการพูดคุยจะใช้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย เป็นกรอบสำคัญในการพัฒนาร่วมกันใน 15 ปีข้างหน้า ที่หารือกันในที่ประชุมของภาคองค์กรชุมชน ที่มีการระดมต้นทุนการพัฒนา มีทรัพยาการ น้ำโขง ป่า มีภูมินิเวศน์ที่สวยงาน คนมีภูมิรู้ วัฒนธรรม ด้านเกษตร ต้นทุนที่มีอยู่ จะมีอนาคตร่วมกันอย่างไร
รศ.ศิริพร วัชชลัลคุ คณบดีสำนักวิชานวัตกรรมสังคม กล่าวว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราจะอยู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร จะสร้างความสมดุลของทุกส่วน เศรษฐกิจ สังคม การรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ให้พัฒนาเศรษฐกิจเป็นธรรมและเท่าเทียมทางสังคม ต้องใช้ความร่วมมือทุกภาคส่วน เป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ในภาวะถดถอยทางด้านการเกษตร การเดินต่อไปจะเดินไปแบบไหนเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาร่วมกัน เชียงรายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว คนมาเที่ยวเชียงรายมากขึ้น จากตั้งเป้า 10 เปอร์เซ็นต์ ปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านคน 2.5 หมื่นล้านบาท มีการดึงดูดการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ประชาชน มีการผลิต และการบริการ ดึงรายได้จากการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเป็นเมืองการค้าชายแดน ใช้ศักยภาพที่ตั้ง ใกล้จีน การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษมาพัฒนา คือ มูลค่าการค้าหดตัวลงทุกปีในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน จากเศรษฐกิจไม่ดี และมีการใช้มาตรการกีดกันทางที่ไม่ใช่ภาษี แต่การค้าประเทศที่อยู่ไกลกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขง GMS การค้าขยายตัว เพิ่ม 15 เปอร์เซ็น ปัจจุบันคนไทยมีภาวะเศรษฐกิจพึ่งพา การผลิตเพื่อการส่งออกเกิน 60 เปอร์เซ็น ทำไมเราไม่ฉวยโอกาสใช้โอกาสนี้เพื่อประเทศ มูลค่าการค้า พม่า ลาว จีนตอนใต้ 4.5 หมื่นล้านบาท ถ้าเพิ่ม 10 เปอร์เซ็น ก็เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท แม้คนเชียงรายไม่ได้มากขึ้น ถ้าปรับการผลิตก็จะได้มากขึ้น จุดที่เด่นที่สุดของกลุ่มที่ติดกับประเทศไทย เป็นส่วนที่มีศักยภาพของอาเซียน เรากำลังจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การเคลื่อนที่คน สินค้า เงินทุน ต้องเป็นไปอย่างเสรี เท่าเทียม เป็นธรรม นี่คือสิ่งที่มองไว้สำหรับอนาคต ในเรื่องความยั่งยืน สิ่งที่ไม่ยั่งยืน สองอย่างคือ ทรัพยากรถูกทำลายเสียหาย และ การกระจายการพัฒนาไปไม่ได้รับประโยชน์ให้เท่าเทียมกัน
“ท่านอยากทำอะไร เรามาร่วมกันทำ นี่เป็นการกระจายความคิด การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนานี้อย่างไร อยากให้เชียงรายเป็นอะไร ยินดีจะรับมาแลกเปลี่ยนกัน” นายบุญส่งกล่าว
นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ผู้แทนภาคองค์กรชุมชนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เรามีความคิดที่เหมือนกัน แต่ไม่ได้มาพูดคุยกันให้ชัดเจนว่าจะบูรณาการ เกษตร การค้า อุตสาหกรรม ได้อย่างไร โดยได้สรุปจากการพูดคุยเมื่อวาน คือ ต้นทุนของเชียงรายที่มีอยู่ ทั้งด้านการเกษตร เมืองเชียงรายเป็นเมืองเกษตร ผลิตผลทางการเกษตร พืชที่สำคัญ คือ ข้าว และยังมีศักยภาพด้านทรัพยกรธรรมชาติ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม อุดมสมบูรณ์อยู่
นอกจากนี้ เชียงรายมีศิลปิน 300 คน มีวัฒนธรรม มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีอาหารพื้นบ้าน ด้านทรัพยากรบุคคลมีปราชญ์ ด้านศิลปะ แพทย์ สุขภาพ มีศักยภาพด้านการค้าชายแดน เราติดอยู่กับประเทศเพื่อนบ้าน ข้อเสนอในเชิงยุทธศาสตร์ ด้านการเกษตรนั้น อยากให้รัฐความส่งเสริมสหกรณ์ พัฒนาการผลิต การตลาด การแปรรูป ส่งเสริมปัจจัยการผลิต เรื่องเมล็ดพันธุ์ หนุนการรวมกลุ่มผลิตลดต้นทุน รวมทำสารสนเทศน์ข้อมูลสมุนไพร ด้านการท่องเที่ยว มาตรฐานและยั่งยืน เชิงวัฒนธรรม ชุมชน ศิลปหัตถกรรม โดยเป็นตามธรรมชาติตามที่ดำเนินวิถีอยู่ ส่งเสริมด้านท่องเที่ยวสุขภาพ พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอ จำนวนหมอต่อคนไข้ ไม่เพียงพอ การให้ทุนผู้เรียนแพทย์กลับมาเป็นแพทย์ท้องถิ่น ปรับจัดการระบบการศึกษาท้องถิ่น ให้ตรงกับงาน เช่นการพัฒนาด้านภาษา การสืบสาน ศิลปะท้องถิ่น ความรู้แพทย์พื้นเมือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำสอดคล้องพื้นที่ พัฒนาแม่น้ำสาขา แม่น้ำใหญ่ รักษาป่า เคารพชุมชน การวางแผนพัฒนาตำบลเชื่อมโยงกับการจัดทำแผนยุทธศาสตร์จังหวัด
ด้านการค้าชายแดน ภาคประชาคมอยากให้ส่งเสริม ผลิตภัณฑ์ชุมชน การขยายจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน เดิมไม่ตอบสนองคนท้องถิ่น
เรื่องอุตสาหกรรม ภาคประชาสังคม เน้นให้ต่อยอดผลผลิตทางด้านการเกษตร ผลผลิตต้องเป็นของท้องถิ่น ตอบสนอง และใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต
นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการพัฒนาเชียงรายจะไปทางไหน การมีส่วนร่วม และการพัฒนาแบบสมดุล จะอนุรักษ์จะคงไว้ ก็ต้องคงไว้ เหมือนญี่ปุ่น มีทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ที่จะพัฒนา ภาคการค้า มีทีมเชียงรายภาคเอกชน 4 องค์กร โดยภาคธุรกิจ เราเป็นฝ่ายค้าขาย หาตลาดเป็นสามารถรวมกลุ่มมองหาตลาดได้ ทั้งในและต่างประเทศ การรวมเอสเอ็มอี ในท้องถิ่นมารวมกลุ่มกันเป็นเรื่องจำเป็น ไม่งั้นจะเพลี่ยงพล้ำต่อทุนใหญ่ เพราะมีทุนใหญ่มาจากในประเทศและต่างประเทศ ในเรื่องของแรงงานในท้องถิ่น ต้องพัฒนาการศึกษาเรียนตามบริบทของพื้นที่ เห็นได้ว่าพื้นที่เชียงรายทำเกษตร แต่คนเชียงรายไม่เรียนเกษตร อาชีพหลักไม่มีใครเรียน ซึ่งปัจจุบันเกษตรใช้นวัตกรรมต้องใช้เครื่องจักรมาช่วยยกระดับการ ด้านท่องเที่ยวก็มีเด็กเรียนไม่มาก ขณะที่เป็นเมืองท่องเที่ยว การเรียนเราขาดประสิทธิภาพการใช้งานจริง คนพม่า 6 เดือน พูดภาษาไทยได้ เชียงรายเราใกล้จีนมากกว่ากรุงเทพฯ เป็นตลาดใหญ่ อาหารแช่แข็ง โคกระบือ หมู จากราชบุรี นครปฐม ส่งไปจีน ซึ่งราคาหมูที่คุณหมิง กิโลละ 250 บาท ในอนาคตเรื่องเกษตร แรงงานต้องมีการคุยกันภาคประชาชนเราจะคุยกันอย่างไร การจัดโซนนิ่งการเกษตรต้องมี จีนนิยมกินข้าวหอมมะลิ เขามีโควต้า ข้าวไทยจึงไปสวมโสร่ง ขณะนี้ ผู้ว่าฯและทีมงาน พยายามเจรจาขอเปิดส่งออกเข้า แบบเมืองต่อเมือง ปัจจุบันเขารับซื้อไม่ได้ ขณะเดียวกันมีการนำเข้าปนกันขายในแบรนด์ข้าวเชียราย ข้าวหอมที่หอมสุด คือ เชียงรายและพะเยา ดอกคำใต้และจุน เชียงราย อุดมสมบูรณ์ ดิน น้ำ อากาศ และชา 6 ดอย กาแฟ 10 ดอย กำลังสร้างเป็นเมืองกาแฟ กาแฟเราติดอันดับโลก โออิชิมาจากเชียงราย ข้าวญี่ปุ่น ฟูจิ แม่ลาว กับอำเภอพาน เราต้องมาโซนนิ่งกันให้ชัดเจนเพื่อสร้างจุดขายด้านการตลาดและจัดการผลิต สับปะรดภูแล หาดใหญ่ลูกละ 30 บาท กล้วย เชียงใหม่วันละ 1 หมื่นลูก เชียงรายกำลังเพิ่งได้ กล้วยหอมไทย มาโซนนิ่งเลย เป็นสหกรณ์ร่วมกัน ต้องมาช่วยกัน สถาบันก็ต้องมีส่วนของนวัตกรรมมาช่วย สรุป ปี 2025 สิบปีข้างหน้า สร้างการมีส่วนร่วม ทีมเชียงราย 2025 ให้ภาคยุทธศาสตร์ ต้องมาหลอมรวมซึ่งกันและกันก้าวไปทีละขั้น
นายพละวัต ตันศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า อนาคตการมีส่วนร่วม การพัฒนาที่ยั่งยืน อนาคตทีมเชียงรายเห็นตรงกัน ความพยายามสร้างแนวคิดมานานแล้ว เราพยายามกำหนดยุทธศาสตร์ กำหนดร่วมกันใน กรอ. เชียงราย ไม่เอาอุตสาหกรรมประเภท อิเลคทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ยานยนต์ พยายามกำหนดทิศทางร่วมัน เรื่องที่จะทำต่อไปคือ การคุยกับโยธาธิการและผังเมือง เป้าหมายได้ผ่านการสังเคราะห์ร่วมกันมาไม่ต่ำกว่า 12 ปี