เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 นายตามใจ ไค้ยะวงศ์ ประชาชนลาวที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับรัฐบาลลาวซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทย พร้อมตัวแทนเครือข่ายอีก 2 คนซึ่งสนับสนุนการเปิดเสรีภาพในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ยื่นจดหมายถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อเรียกร้องให้ทางการลาวเปิดกว้างให้ประชาชนมีเสรีภาพในการพูดและมีส่วนร่วมติดตามนโยบายรัฐ โดยสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ รวมทั้งเรียกร้องให้ทางการลาวปล่อยตัวผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวลาว 3 รายที่ถูกจับเนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านสังคมออนไลน์ ได้แก่ นายสมพอน พิมมะสอน อายุ 29 ปี กับแฟนสาวของเขา นางหลอดคำ ทำมะวง อายุ 30 ปี และนายสุกาน ชัยทัด อายุ 32 ปี ที่จำคุกในนครหลวงเวียงจันท์ตั้งแต่วันที่5 มีนาคม 2559 (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องคลิก https://transbordernews.in.th/home/?p=13860)
นายตามใจ กล่าวว่า ก่อนมายูเอ็นนั้นช่วงเช้าทางตัวแทนเครือข่ายได้นัดหมายกันไปรวมตัวที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย เพื่ออ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือต่อตัวแทนรัฐบาลลาวโดยได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในพื้นที่เพื่อขออนุญาตทำกิจกรรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยก็อนุญาตให้ทำได้ภายนอกสถานที่เท่านั้นแต่ต้องมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 5 คน เนื่องจากอาจจะขัดต่อพระราชบัญญัติ (พรบ.) การชุมนุมปี 2558 ของไทย จึงได้เตรียมตัวแทนมาเพียงแค่ 3 คน แต่ทางสถานทูตไม่ส่งคนออกมารับและไม่มีปฏิกิริยาใดๆต่อการกระทำของเครือข่ายฯ ได้แต่ปล่อยให้เงียบ เครือข่ายฯจึงได้เดินทางมายังสำนักงานยูเอ็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ออกมารับแต่ไม่ได้อ่านแถลงการณ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ดำเนินการ
นายตามใจ กล่าวต่อว่า ที่พึ่งเดียวของคนลาวตอนนี้ คือ องค์กรด้านสิทธิระดับนานาชาติและสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลที่เครือข่ายฯได้เสนอออกไปนั้นเรียกร้องหลักๆ3 ข้อ คือ 1 คนลาวควรมีสิทธิพูด ฟัง และแสดงออกต่อนโยบายต่างๆที่รัฐบาลลาวจัดขึ้น โดยรัฐบาลลาวควรจะมีเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการใหญ่ทั้งที่ลงทุนโดยทุนลาว และต่างชาติ เช่น เขื่อน เหมือง รถไฟรางคู่ ฯลฯ ควรจะหารือกับประชาชนอย่างเป็นทางการ2 ขอให้ยูเอ็นร่วมกดดันรัฐบาลลาวให้ปล่อยตัวชาวลาว 3 คน ที่ถูกจับกุมเพราะโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คที่อ้างถึงรัฐบาลลาว 3 ขอให้ลาวให้สิทธิพลเมืองได้วิพากษ์ วิจารณ์รัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านสาธารณะ เพื่อให้ชาวลาวไม่ต้องอยู่แบบกล้าๆ กลัว ๆ เนื่องจากขณะนี้ลาวเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีสิทธิพูดถึงรัฐบาลในทางลบ และสื่อมวลชนลาวก็ไม่เปิดพื้นที่แก่ประชาชนไม่ว่ากรณีใดเว้นแต่ออกข่าวเชิงบวกในประเทศ
ด้านนายจ่อย (นามสมมติ) กล่าวว่า การร่วมแสดงออกเพื่อเรียกร้องสิทธิครั้งนี้เป็นครั้งที่2แต่เป็นครั้งแรกที่ชาวลาวในไทยออกมาสนับสนุนสิทธิต่อสาธารณะ และต่อหน้าสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ซึ่งไม่เกิดขึ้นมาก่อน โดยตัวแทนที่เดินทางไปยังสถานทูตลาวเมื่อเช้ากับผู้ที่เดินทางมายังสำนักงานยูเอ็น มีความตั้งใจอย่างยิ่งเพื่ออ่านแถลงการณ์และส่งหนังสือถึงตัวแทนรัฐบาลลาวเพื่อเปิดเวทีในการเจรจา แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่าลาวเลือกจะปิดประตู ไม่ต้อนรับคนลาวให้เข้าไปในสถานทูต เชื่อว่าเหตุที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะคนลาวไม่ต้องการเสรีภาพ แต่เพราะคนลาวกลัวคุก กลัวตาย เจ้าหน้าที่ราชการ และพนักงานล้วนเกรงกลัวอำนาจรัฐบาล อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณตำรวจไทยและเจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมในที่สาธารณะได้ อย่างน้อยครั้งนี้สื่อไทยและต่างประเทศก็จะได้รับรู้ถึงความอึดอัดของลาว
“เวลามีข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทีวี ของต่างชาติทั้งไทย และฝรั่ง ผมเองอยากแชร์ ผ่านเฟส ไลน์ อยากส่งข้อความแต่กลัวว่าทางการลาวจะติดตามตัวได้ จึงไม่กล้าแบ่งปันข่าวอะไรเลย ได้แต่รู้ อ่าน อยู่เงียบๆ แต่ผมเชื่อว่า คนลาวส่วนมากอ่านไทยออก จะได้อ่านข่าวจากสื่อไทยมากขึ้น และอาจมีกำลังใจต่อสู้ไปกับพวกเรา ที่สถานทูตลาวเขาไม่ต้อนรับเราแต่ไม่ออกมาไล่ ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะสื่อมวลชนในไทย มีสิทธิเยอะกว่าลาว เขาเลยไม่จับ ไม่ไล่เรา เหมือนเรามีเพื่อน เราปลอดภัยกว่า และเหตุการณ์อย่างนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นที่ลาว ผมจึงยืนยันได้ว่าไทยควรรักษาสิทธินี้ไว้ให้ดีๆ และจากข่าวจับคนลาววิจารณ์รัฐบาลนั้น น่าจะทำให้สังคมรู้ว่าเผด็จการมันน่ากลัว ผมหวังว่าไทยจะไม่เป็นอย่างนั้น ตอนนี้สื่อคือความหวังของพวกผม ผมไม่รู้หรอกว่าสิทธิที่เรียกร้องไปจะมีผลแค่ไหน แต่ผมยังรักเสรีภาพ และผมต้องการให้รัฐบาลปรึกษาประชาชนก่อนการตัดสินใจนโยบายต่างๆ คนเจ็บ คนตาย คนเดือดร้อนเพราะโครงการที่ลาวทำมันมีเยอะ ผมจึงมาขอร้องให้เราได้พูดกันดีๆ แต่เมื่อสื่อลาวเป็นขอรัฐบาล ผมก็ต้องพึ่งสื่อไทย สื่อฝรั่ง อย่างน้อยก็ให้เขาได้รู้ความเป็นไปของประเทศตนเองผ่านข่าวของประเทศอื่น” นายจ่อย กล่าว
////////////////