การประชุมของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่ยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าที่เมืองป๋างซาง เขตปกครองของว้า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า ทางกลุ่มนั้นจะจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่นำโดยกองทัพว้าหารือเจรจาทางการเมืองกับรัฐบาล NLD โดยตรง นอกจากนี้ยังมีมติที่จะยังไม่ลงนามสัญญาหยุดยิงแห่งชาติ (NCA) กับรัฐบาลพม่า ชี้กระบวนการสันติภาพและสัญญาหยุดยิงแห่งชาติ NCA ของรัฐบาลพม่านั้นล้มเหลวและยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้เกิดความขัดแย้งในประเทศมากยิ่งขึ้น
มีรายงานว่า การประชุมที่เมืองป๋างซางที่ผ่านมา มีตัวแทนจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เข้าร่วมราว 40 คน โดยกลุ่มติดอาวุธที่เข้าร่วมเช่นกองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA, กองกำลังปะหล่อง TNLA, กองทัพเมืองลา, กองกำลังโกก้าง, พรรครัฐมอญใหม่ และกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA เป็นต้น ในที่ประชุมมีการหารือและทบทวนเกี่ยวกับการเมืองในพม่า และกระบวนการสันติภาพที่รัฐบาลพม่าดำเนินการอยู่ ซึ่งทางกลุ่มชาติพันธุ์เห็นว่า สัญญาลงนามหยุดยิงของรัฐบาลพม่ายิ่งจะทำให้ความขัดแย้งในพม่ามากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต โดยเฉพาะในพื้นที่ติดชายแดนจีน รัฐฉานตอนบนและรัฐคะฉิ่น
ผู้นำว้า เปาโหย่วเฉียง ได้ขึ้นกล่าวในที่ประชุมว่า ชาติพันธุ์จะต้องมาร่วมกันหาความหมายที่แท้จริงของสัญญาป๋างโหลง รวมไปถึงข้อความทางการเมืองอย่างคำว่า ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ สิทธิการปกครองตนเอง การก่อตั้งสหภาพเหล่านี้ยังไม่มีการระบุความหมายที่ชัดเจน จึงทำให้ที่ผ่านมาถูกทางฝ่ายพม่าใช้เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังโจมตีสัญญาหยุดยิงแห่งชาติของรัฐบาลพม่านั้นยิ่งทำให้ชาติพันธุ์แตกแยกออกเป็น 3 ฝ่าย นอกจากไม่สามารถยุติสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศแล้ว ยังทำให้เกิดสงครามในประเทศมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพูดคุยเจรจาทางการเมืองกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าใช้วิธีการแยกการหารือเป็นกลุ่ม ๆ ไป โดยผู้นำว้าแนะว่า จะต้องร่วมกันหาทางออกเพื่อไม่ให้เป็นไปในรูปแบบเดิม
ด้านเจ้าหน้าที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นางอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นผู้นำของรัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงดำเนินรอยตามสิ่งที่รัฐบาลเต็งเส่งได้ทำไว้ จะเห็นได้ว่า นางซูจีนั้นไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาใหม่ เช่นเดียวกันชาติพันธุ์บางส่วนยังเห็นว่า ความไว้ใจต่อชาติพันธุ์ของฝ่ายผู้นำพม่า รวมถึงนางซูจีนั้น มีท่าทีที่ไม่ได้แตกต่างกันนัก
ในที่ประชุม ทางกลุ่มชาติพันธุ์ยังเห็นด้วยและออกข้อเรียกร้อง 9 ข้อ เช่นเรียกร้องทางฝ่ายรัฐบาลพม่าใช้สัญญาหยุดยิงที่เป็นธรรมเสมอภาคแทนสัญญาหยุดยิงที่ใช้อยู่ปัจจุบัน รวมไปถึงเรียกร้องให้รัฐบาลจีนและนานาชาติเข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพในพม่าในฐานะเป็นผู้ไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังทหารโจมตีในพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ ในด้านการลงทุนในพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ ยังเห็นด้วยกับนโยบาย One Belt One Road (OBOR) ของจีนว่าจะสามารถสร้างการพัฒนา ความก้าวหน้าได้พร้อม ๆ กับการสร้างสันติภาพ โดยเห็นว่านโยบายนี้จะเป็นผลดีกับกลุ่มชาติพันธุ์
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้แก้ไขที่มีการใช้คำเรียกทหารคะฉิ่น KIA ทหารปะหล่อง TNLA และทหารโกก้าง (MNDAA) ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งเรื่องนี้ทางสภารัฐฉานได้มีมติเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรียกทั้ง 3 กลุ่มเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย เนื่องจากมีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเช่น ทำลายสะพาน เผาทำลายรถของชาวบ้าน ปิดเส้นทางสัญจรไปมา สู้รบตามหมู่บ้าน ขณะที่ทั้งกลุ่ม 3 กลุ่มอ้างว่า การเรียกกลุ่มตนเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นการกระทำที่ขัดต่อสิ่งที่ประชาชนต้องการ
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ทางนายจายยุ้นลิน จากพรรคหัวเสือไทใหญ่ (SNLD) แสดงความเห็นว่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงต้องการหาวิธีการใหม่เพื่อเจรจาทางการเมืองมากกว่าผ่านการลงนามหยุดยิงแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาล NLD ควรที่จะยอมรับได้ แต่เชื่อว่าทางกองทัพพม่าจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของทางกลุ่ม
ที่มา เว็บไซต์ข่าวไทใหญ่ Tai Freedom,Panglong DVB
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ