Search

นักวิชาการชี้ประวัติศาสตร์แรงงานไทยหล่นหาย

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 ที่พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย เขตมักกะสัน กทม.ได้มีการจัดงานรำลึกและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้อดีตผู้นำแรงงานและผู้มีคุณูปการต่อขบวนการแรงงานที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทั้งมีการทอดผ้าป่าเพื่อหารายได้บำรุงพิพิธภัณฑ์แรงงาน โดยในช่วงเช้ามีพิธีสงฆ์และถวายกองผ้าป่า ส่วนช่วงบ่ายมีการเสวนาเรื่อง “แรงงานอยู่ตรงไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทย” โดยมีนำแรงแรงงาน และผู้คนในแวดวงแรงงานมาร่วมกันอย่างคับคั่ง

ศ.ดร.พรรณี บัวเล็ก ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาการประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์สากล คณะศิปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่าแรงงานอยู่มากกว่าประวัติศาสตร์ไทยเพราะมนุษย์วิวัฒนาการการใช้แรงงานเรื่อยมาโดยแรงงานอยู่ในทุกๆที่ของขั้นตอนในประวัติศาสตร์ แต่ในช่วงสงครามแรงงานถูกลดค่าให้มีหน้าที่ต่อนาย และในสมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มปลดปล่อยไพร่เพื่อไปผลิตสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าว ไพร่เปลี่ยนสถานะเป็นชาวนา ส่วนกรรมกรยุคแรกเป็นชาวจีนเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าข้าว ขณะเดียวกันในยุคใหม่แรงงานกลายเป็นตัวกำหนดในสังคมอุตสาหกรรมตามที่บริษัทข้ามชาติวางไว้ จนกระทั่งปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่หวังว่าจะรอดจากการขายแรงงานราคาถูก แต่ไม่แน่ว่าจะรอดหรือไม่ เพราะต้องอาศัยสังคมประชาธิปไตยและระบบธรรมาภิบาล โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในช่วงที่สังคมมีเสรีภาพและคนหลุดพ้นจากอำนาจทั้งปวง เช่นเดียวกันยุโรปสมัยหนึ่ง

“เหตุใดแรงงานไทยถึงไม่มีประวัติศาสตร์ก็เพราะว่าผู้บันทึกประวัติศาสตร์คือชนชั้นสูงเท่านั้น สมัยก่อนพระมหากษัตริย์เป็นคนบันทึกก็จะเห็นแต่บารมีของตัวเอง ประวัติศาสตร์จึงไม่มีพื้นที่สำหรับชนชั้นล่างหรือสามัญชน แต่ในบางยุคก็มีการท้าท้าย เช่น สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีก.ศ.ร.กุหลาบ ที่พยายามเขียนประวัติศาสตร์ แต่สุดท้ายก็ถูกลงโทษ อย่างไรก็ตามมีเรื่องเล่าของชาวบ้านที่เป็นตำนานหรืออยู่ในท้องถิ่นที่ไม่ถูกบันทึกและนักเรียนก็ไม่เคยได้เรียนเรื่องของชนชั้นล่าง แม้ในช่วง 20 ปีมีความพยายามฟื้นฟูประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหรือประวัติศาสตร์ของชนชั้นล่าง แต่ลำบากเพราะหาคนทำได้น้อยที่สำคัญคือไม่ค่อยมีข้อมูล มีแต่เรื่องเล่าของชาวบ้าน ที่ฉันทำงานมาตระหนักในคุณค่าของสามัญชนมาโดยตลอดเพราะต้องการให้เกิดบันทึก”ศ.ดร.พรรณี กล่าว

ศ.ดร.พรรณีกล่าวว่า 20 ปีที่ผ่านมามีการตระหนักถึงการทำวิจัยเพื่อให้เห็นพื้นที่ของชนชั้นล่างมากขึ้น ส่วนที่สำคัญของประวัติศาสตร์คือทำให้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเองแต่เมื่อประวัติศาสตร์ของแรงงานไม่ถูกนำมาถ่ายทอดทำให้แรงงานไม่เห็นคุณค่าของตัวเองและเรียนแต่คุณค่าของชนชั้นสูงที่เขียนประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เห็นค่าของตัวเองก็จะไม่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงหรือไม่มีสำนึกร่วมและชีวิตไม่มีการพัฒนาหรือไม่เราก็ต้องบีบตัวเองให้เป็นชนชั้นอื่น

“ในศตวรรษที่ 15 มนุษย์หลุดจากอำนาจของพระเจ้าและชนชั้นปกครอง ทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาและการสร้างสรรค์มากมาย เช่น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้”ศ.ดร.พรรณี กล่าว

ศ.ดร.พรรณีกล่าวว่า การจะทำให้แรงานเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั้น ต้องดูว่าวันนี้มีความรู้เรื่องเหล่านี้กันแค่ไหน จำเป็นต้องทำวิจัยเกี่ยวกับความรู้ของชนชั้นล่างให้มากและสนับสนุนให้มีการหยิบมาใช้ จริงๆแล้วชาวบ้านเป็นที่สั่งสมภูมิปัญญาซึ่งเป็นรากของสังคมไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การดำรงชีวิต ตลอดจนสมุนไพรต่างๆ เราต้องเอาคุณค่าในระดับรากหญ้าเหล่านี้ และจริงๆแล้วทุกคนสามารถสร้างบันทึกของตัวเองได้ แรงงานสามารถบันทึกของตัวเองหรือเก็บไว้ในองค์กร หรือบันทึกเรื่องราวของผู้นำแรงงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่า การบันทึกแรงงานทำให้เกิดความภาคภูมิใจในเรื่องเล่าเหล่านี้

On Key

Related Posts

หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อน ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง-เผยชาวบ้านเครียดหนักจนต้องพึ่งจิตเวช-หลายฝ่ายร่วมหาทางออก ชาวบ้านยื่นหนังสือ AICHR ยกระดับปัญหา รอง ผวจ.เผยทางการพม่าตรวจสารโลหะหนักแล้วแต่ใช้คนละมาตรฐาน “ประเสริฐ”เตรียมนำคณะเจรจาเนปิดอว์ 4-8 สค.

หวั่นความมั่นคงด้านสุขภาพ รพ.ชายแดน จ.ตากเร่งรับมือช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิง “หมอตุ่ย”หนักใจเรื่องโภชนาการหลังสิ้นเดือนถูกตัดงบค่าอาหาร-แนะ สธ.เป็นเจ้าภาพตั้งกองทุน-ชี้เชื้อโรคไม่รู้จักเส้นแบ่งแดน “ภูมิธรรม”เผยกำลังติดตามดู