เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 นางสาวฉัตรพร พระอ๊ะ ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า หลังจากน้ำท่วมขังเกาะหลีเป๊ะมานาน 2 สัปดาห์ ขณะนี้ชาวเลบนเกาะหลายพื้นที่ยังลำบากมากเนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการนำเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกสู่ทะเล และทางหน่วยงานรัฐได้มาติดตั้งแล้ว 6 เครื่องก็ตาม แต่ยังไม่สามารถระบายน้ำออกได้ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายและเจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ระดมเจ้าหน้าที่มาช่วยขนย้ายสิ่งของจำเป็นและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน โดยครอบครัวใดที่มีบ้านเรือนทรุดโทรม ชาวเลตัดสินใจทิ้งไว้ให้เป็นไปตามชะตากรรม และบางส่วนก็ขุดคลองทางน้ำระบายน้ำเอง อย่างกรณีบ้านของตนและญาตินั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้เคยเป็นชุมชนที่มีคลองระบายน้ำสายสุดท้ายอยู่ น้ำจึงไม่ท่วม แต่ปี 2559 ที่ผ่านมา นายทุนได้ถมดินทับคลองและสร้างโรงแรมเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้คลองระบายน้ำแห่งสุดท้ายถูกปิดลง ขณะที่นายทุนเองก็กำลังเดินหน้าฟ้องขับไล่ชาวเลละแวกนั้นออก สถานการณ์จึงน่ากังวลมาก หลายคนจึงได้ออกมาจากเกาะและหาที่พักพิงชั่วคราว แต่หลายคนก็ไม่ยอมย้ายออกเพราะห่วงบ้าน แม้ว่าบ้านจะอยู่ระหว่างดำเนินคดีก็ตาม
“บ้านหน้าหาดอย่างเราไม่ท่วม แต่กลางเกาะ ติดถนนคนเดิน และคนที่อยู่กลางชุมชนจะหนักหนาสาหัสมาก เพราะต้องใช้ชีวิตกลางน้ำไปแบบนั้น ทราบว่าหลายคนกำลังขาดแคลนน้ำดื่มและยารักษาโรค อยากให้มีการช่วยเหลือเรื่องยาแก้คันมือและแก้น้ำกัดเท้า รวมทั้งยาจำเป็นอย่างอื่นมากกว่า แม้จะไม่มีคนป่วยระดับวิกฤติให้ต้องย้ายก็ตาม แต่ยาก็จำเป็น เพราะบางคนเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือคนแก่ที่อาศัยอยู่ด้านหลังโรงเรียนเกาะอาดัง หลีเป๊ะ ก็ไปหาหมอที่อนามัยไม่ได้ เพราะน้ำท่วมหลังอนามัย คนแก่เดินไม่ไหว อยากใช้เรือ ถ้าใครมีเรือท้องแบนเราก็อยากได้ มาช่วยขนของและขนผู้ป่วยไปพบหมอบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มี เพราะหลีเป๊ะไม่เคยท่วมหนัก ไม่มีการเตรียมการมาก่อน ตอนนี้ญาติบางคนก็ใช้เรือท้องแบนเพียงลำเดียวเดินทางไปมาในหมู่บ้าน เผื่อไปเจอใครอยากได้ความช่วยเหลือก็จะได้ช่วย แต่ก็ยังไม่มีใครต้องการความช่วยเหลือด่วน เว้นแต่คนแก่ที่ต้องย้ายบ้าน” นางสาวฉัตรพรกล่าว
ด้านนางสาวสลวย หาญทะเล ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (14 สิงหาคม) นายอำเภอเมืองสตูลได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านของมารดา คือ นางแส้หนา เกาะสิเหร่ และได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งในการสนทนาถามทุกข์สุขของครอบครัวตนและญาติ โดยมีการพูดถึงความช่วยเหลือจากอำเภอที่บอกว่า พยายามนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งในพื้นที่แต่ขอเวลาคุยกับเจ้าของที่ดินก่อน ส่วนนี้ตนรู้สึกขอบคุณนายอำเภอมากที่เป็นห่วง แต่เมื่อวานสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายขนาดนี้ วันนี้เลวร้ายกว่า แต่ยังไม่เข้าใจว่าสารที่อำเภอบอกว่าขอคุยกับเจ้าของที่ หมายถึงอะไร
“เราไม่รู้ไง ว่าข้อความที่เขาบอกว่าขอคุยกับเจ้าของที่ มันน่าสงสัย เรางง ๆ อยู่ว่า หรือว่า เจ้าของที่ไม่ยอมให้ระบายน้ำผ่านรีสอร์ทเขาหรือเปล่า เพราะมันมีนักท่องเที่ยวหน้าหาดอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ช่วงนี้ เอาตรง ๆ เลยนะว่า เราไม่อยากให้นักท่องเที่ยวมาเลย ช่วงนี้ เพราะเกาะไม่พร้อม และอยากแก้ปัญหาขยะอะไรก่อน ไม่แน่ใจว่าประกาศปิดเกาะหรือยัง” นางสาวสลวยกล่าว
นางสาวสลวยกล่าวต่อว่า ตอนนี้ญาติของตนที่ถูกเอกชนฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและไล่ออกจากที่ดินนั้น กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากตอนนี้สมาชิกกว่า 10 คนบ้านเรือนกำลังแย่เพราะหลังคารั่วและไม่มีสิทธิซ่อมบ้าน และเมื่อฝนตกหนักน้ำไหลท่วมบ้านหมดแล้ว ทุกคนที่อยู่ละแวกเดียวกันต้องย้ายของจำเป็นมาอาศัยอยู่บ้านมารดา คือนางแส้หนา ซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวที่น้ำยังท่วมไม่ถึง อีกประมาณ 50 เซนติเมตร เท่านั้น น้ำจะไหลเข้าสู่พื้นบ้านด้านใน ขณะนี้ก็กำลังประเมินสถานการณ์ และหวังว่าจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่เบื้องต้นอยากไดยารักษาโรคและเรือฉุกเฉินเพราะในกรณีที่ระบายน้ำไม่ทันก็มีเรือใช้สำรองได้ ทั้งนี้เหตุที่ต้องการเรือท้องแบน เพราะเรือหางยาวชาวเลจอดหน้าหาด ไม่สามารถนำเข้ามากลางชุมชนได้
“เราไปเกาะอาดังมานะ ใกล้ ๆ กันน้ำไม่ท่วม เพราะเกาะอาดังไม่มีใครรุกที่เหมือนหลีเป๊ะ ที่นี่หันขวาก็กำแพง หันซ้ายก็กำแพง เราเดือดร้อนทั้งน้ำกิน น้ำใช้ แต่คิดว่าถ้าใครจะมาช่วยเราไม่เอาอะไรมาก แค่อยากได้ยากับเรือ สงสารคนพิการ ตอนนี้บ้านแม่ของเราเองก็รองรับคนสิบกว่าคน ทำกับข้าวกลางน้ำไป เราต้องดิ้นรน บางคนยังต้องออกไปหาปลิง หาปลาอยู่เลยเพราะไม่มีรายได้ช่วงนี้นะ เราไม่อยากให้ใครเข้ามาแจกอาหาร น้ำเราตลอดหรอก ถ้าช่วยตัวเองได้จะช่วย แต่นี่กรณีคนแก่ เราจำใจจริง ๆ พอไม่มีใครดูเราก็ดูกันเอง ถ้าได้เรือเราอาจจะง่ายขึ้น เร็วขึ้น” นางสลวยกล่าว
////////////////////////