เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสานได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกรมชลประทาน เพื่อแสดงความคิดเห็นในแผนจัดการน้ำโดยระบุว่า กรณีที่กรมชลประทานได้เสนอแผนการจัดการน้ำในภาคอีสาน งบประมาณ 6.8 พันล้านบาท โดยมีแนวทางคือ จะเสนอให้มีการปรับแผนพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำมูนและน้ำชี ในวงเงินงบประมาณ 2561 จำนวน 6.8 พันล้านบาท ซึ่งมีแผนที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างประตูระบายน้ำเช่น ประตูระบายน้ำพุง-น้ำก่ำควบคู่กับทางผันน้ำร่องช้างเผือก ประตูระบายน้ำศรีสองรัก ประตูระบายน้ำห้วยหลวง ขุดลอกหนองบึงและทางน้ำธรรมชาติ เช่น หนองหารและน้ำก่ำ วางแผนพัฒนาหนองหารจังหวัดสกลนคร และปรับปรุงอ่างเก็บน้ำเดิมให้มีประสิทธิภาพเก็บกักน้ำและมีความมั่นคงมากขึ้น ศึกษาโครงการผันน้ำป่าสัก-ลำตะคอง ศึกษาฟื้นฟูแหล่งน้ำ และการเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำเดิมที่มีอยู่และเพื่อสร้างความมั่นคงน้ำในระยะยาวพิจารณาวางโครงการบริหารจัดการน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่จะไม่นำไปสู่แนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน
ในจดหมายระบุว่า ปรากฎการณ์น้ำแล้งและท่วมซ้ำซากที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีในภาคอีสาน ชี้ชัดแล้วว่าสาเหตุมาจากขาดการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบต่อเนื่องกัน ไม่ใช่การขาดแคลนโครงสร้างหรือโครงการพัฒนาต่างๆ ดังที่กรมชลประทานได้เสนอต่อรัฐบาลไป ที่ผ่านมาการปล่อยน้ำของเขื่อน เช่น เขื่อนลำปาว เขื่อนอุบลรัตน์ และการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสายหลักในพื้นที่ทั้งแม่น้ำชีและแม่น้ำมูนในโครงการโขงชีมูล จำนวน 14 เขื่อน การขุดลอกกุด บึง หนอง ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำหรือการใช้พื้นที่เป็นอย่างอื่นแทน ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ทุกปีในภาคอีสาน และปัจจุบันปัญหาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผลกระทบทางสังคม ต่อประชาชนแก้ไขแล้วเสร็จ การที่จะผลักดันแผนการจัดการน้ำอีสานของกรมชลประทานในครั้งนี้ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยังไม่ถูกจุด และอาจจะเป็นการละลายงบประมาณอันมหาศาลของรัฐบาลมากกว่า
ในจดหมายระบุอีกว่า เครือข่ายฯมีข้อเสนอต่อการจัดการน้ำในอนาคตคือ (1) การบริหารจัดการน้ำอีสานต้องเชื่อมโยงกันทั้งลุ่มน้ำ มากกว่าจะมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำๆ ขนาดใหญ่ และควรจะมีการปรับปรุงหรือแก้ไขโครงสร้างเขื่อน ฝาย เดิมที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังนานมากกว่าปกติ
(2) เสนอให้มีการประเมินความคุ้มค่าของโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ เช่น โครงการโขงชีมูล เพื่อผลประโยชน์ทั้งด้านบวกและด้านลบของโครงการที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงต่อคนอีสาน ก่อนที่จะเดินหน้าโครงการอื่นๆต่อไป
(3) แนวทางการจัดการน้ำต้องให้ท้องถิ่นและชุมชนทำแผนการจัดการน้ำระดับท้องถิ่นหรือลุ่มน้ำเพื่อให้สอดคล้องและไม่ทำลายระบบนิเวศ