กาแฟซองแล้วซองเล่าถูกฉีก ชง ดื่ม ในคืนหลังพระจันทร์เต็มดวง แรม 1 ค่ำเดือน 10 “หมิด ชายเต็ม” ในวัย 64 ปี ยังคงเพลิดเพลินกับการสนทนากับเพื่อนบ้านและแขกผู้มาเยือนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
“พรุ่งนี้ตื่นสักตีห้านะ ตีห้า
ไปกัน ท่าทางปลาจะชุม คืนจันทร์สวยอย่างนี้แหละ ที่ปลาจะมารวมตัวกัน แต่เคยอาจจะไม่มาเพราะไม่ใช่ฤดูเคย” หมิด ย้ำเวลาในการตื่นนอนเพื่อไปพิสูจน์ความอุดมสมบูรณ์ของทะเล ที่เขาทำมาหากินนานกว่า 40 ปี หลังย้ายมาจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
ที่จริงหมิดหรือ บังหมิด เกิดที่ปากบาง อำเภอเทพา แต่มีเหตุให้ย้ายไป-ย้ายมาหลายรอบ กระทั่งมีภรรยาเขาก็ปักหลักทำมาหากินที่ทะเลเทพา และยืนยันว่า ทะเลบริเวณนี้ไม่ได้ร้างเหมือนกับคำกล่าวอ้างของใครหลายคนที่ต้องการสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่คณะกรรมการชำนาญการ (คชก.) เพิ่งผ่านรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EHIA) ไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ชาวเทพาซึ่งไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้าต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ EHIA ที่ไม่ชอบธรรม เพราะมีรายงานหลายประเด็นผิดพลาดและไม่ใช่ข้อเท็จจริง เช่น ทะเลเทพาไม่สมบูรณ์ คลองตุหยงพบปลาน้ำจืด ด้วยรณรงค์หลายรูปแบบ เช่น การนั่งปักหลักหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเลิก EHIA กระทั่งเกิดมาเป็นแนวคิดการรณรงค์ในโลกโซเชียลว่า “เทใจให้เทพา” และบังหมิดคือ ตัวแทนของคนเทพาที่พาใครต่อใครหลายคนลงพื้นที่พิสูจน์ความมั่งคั่ง มั่นคงทางอาหารและทรัพยากรของทะเลเทพา มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ชายวัย 64 ปีรายนี้ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการสนทนาถึงความมีเสน่ห์ของบ้านเกิด จะเรียกว่าแกโฆษณาชุมชนก็ว่าได้ คำโฆษณานั้นยังติดในหูกระทั่งรุ่งสางเวลา ตีห้าครึ่งตามคำนัดหมายของบังหมิด ฉันและรุ่นพี่อีก 2 คนเป็นศิลปินอิสระและช่างภาพได้เดินทางไปยังปากน้ำเทพา หาดบางหลิงในชุมชน แม้จะไม่ได้ลิ้มรสกาแฟในตอนเช้าเหมือนทุกครั้ง แต่พวกเราก็ตาสว่างทันทีเมื่อได้สัมผัสในแสงแรกของวันที่มีทั้งดวงจันทร์และแสงอาทิตย์ประดับท้องฟ้าให้เป็นสีสันสวยงาม
ภาพบังหมิดยืนทอดแหในระดับน้ำทะเลที่ท่วมแค่เอวของเขา กลางแสงแรกของวันก็งดงามอยู่แล้ว แต่ภาพบรรดานักตกปลา ชาวประมงที่ลากอวนรุนเคยก็ช่วยให้หาดบางหลิงมีชีวิตชีวาไม่น้อย
“เดี๋ยวทอดแหอีกสัก 2-3 รอบนะ จะลองเอาอวนไปลากดู ดูสิว่าจะมีเคยติดมั๊ย เพราะไม่ใช่ฤดูเคย แต่ปลาได้แน่ ๆ ละ ปลากระบอกเนี่ยมารวมตัวกันประจำโดยเฉพาะช่วงแสงอ่อน ๆ แบบนี้ มันชุมมาก ปลาทูก็มา ถ้าน้ำลงมากกว่านี้ปลาก็จะเยอะกว่านี้ บางทีเราเห็นรอยปลานะ แต่ถ้าหว่านไม่ได้จังหวะก็พลาด แต่ถึงยังไงก็ได้ปลาอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว มันไม่ไปไหนหรอก” บังหมิดยืนยันในความสมบูรณ์ของเทพา
เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนตะวันโผล่พ้นน้ำทะเล บังหมิดได้กุ้งตัวใหญ่มา 1 ตัว กับปลากระบอกมาหลายกิโลกรัม ซึ่งสำหรับคนเทพานั้นมีเมนูยอดนิยม คือ ปลากระบอกทอดเกลือ ต้มส้มปลากระบอก หลังจากได้ปลามากพอจะทำกับข้าวแล้วบังหมิดก็เปลี่ยนเครื่องมือหาปลาเป็นอวนรุนเคย ขนาดเล็กแล้วเดินไปอีกฝั่งของหาดบางหลิงก่อนจะลงไปลากอวนร่วมกับพรรคพวกอยู่ราว 15 นาทีและกลับขึ้นมาพร้อมกับเคยตัวใส ๆ อีกราว 10 กว่ากิโลกรัม และกุ้งเคยที่เห็น คือ เคยหลงฤดู เพราะปกติเดือนกันยายนไม่ใช่เดือนแห่งการหาเคย แต่จะตกปลากะพง และทอดแหมากกว่า แต่ถ้าเป็นเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน นั่นหมายถึงฤดูสร้างรายได้สูงสุดเพราะหาสัตว์น้ำได้เกือบทุกประเภท รายได้อยู่ที่ครัวเรือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน อย่างเคยสดที่เห็นกิโลกรัมละ 25 บาท นำไปทอดกับไข่เจียว หรือชุบแป้งทอดกรอบเป็นกับข้าวง่าย ๆ ที่คนเทพาไม่เคยเบื่อ แต่ถ้าเป็นเคยบดก็กิโลกรัมละ 150 บาท
“บนฝั่งทางโน้นที่ตกปลาอยู่บนสันเขื่อนนั้น ไม่ใช่คนบ้านเรานะ เป็นคนที่อื่นปัตตานีบ้าง สะบ้าย้อยบ้าง จะนะบ้าง ก็แล้วแต่ว่าใครจะมา เราไม่หวงนะ ทะเลเทพาเป็นของทุกคน ที่นี่ไม่มีค่าผ่านทางหรอก อีกอย่างคนที่เทพาทำประมงพื้นบ้านในระยะแค่ 3 กิโลเมตรจากชายฝั่งได้ตลอดปี ไม่ต้องกังวลช่วงมรสุมเลย” บังหมิดย้ำในความใจกว้างของคนเทพาและขอบเขตการทำกินที่คนเทพาเชื่อว่านี่คือสมบัติล้ำค่าที่ธรรมชาติสร้างให้
เวลาแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ชาวประมงทั้งในและนอกพื้นที่อวดปลากะพง ปลากระบอก กุ้งขาว กุ้งเคย แล้วกลับขึ้นฝั่งมานั่งจิบกาแฟกับปาท่องโก๋ ขนมครก พร้อมกับบทสนทนาที่มีแต่รอยยิ้มให้กัน และจนปัจจุบันนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้คนเทพาร้องไห้ได้เห็นจะเป็นแค่ “โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเท่านั้น”
เสร็จจากภารกิจประมงที่หาดบางหลิงช่วงเช้า พวกเรากลับขึ้นมาพักทานอาหารเที่ยงแล้วไปลงเรือที่คลองตุหยง พื้นที่ป่าชายเลนผืนใหญ่ในเขตสงขลาไปจนถึงปัตตานีและเป็นคลองที่เชื่อมต่อสู่คลองเทพาและคลองปัตตานีมีต้นโกงกางขึ้นหนาแน่นทั้งสองฝั่ง ซึ่งนอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้วยังเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์หลายชนิด เช่น นาก กุ้ง หอย ปู ปลา และที่นี่ชาวบ้านมักล่าสัตว์ด้วยสองมือเปล่า ซึ่งไม่ทำลายระบบนิเวศเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ “มัธยม ชายเต็ม” บอกกับเราว่าจะพาไปงมหอยนางรมมือเปล่า ซึ่งเขาและพรรคพวกจะใช้เวลาแค่ 30 นาทีในการหาหอยนางรมที่ชาวบ้านมักนำเนื้อหอยไปขายในกิโลกรัมละ 150 บาท แต่ครั้งนี้จะไปหาแค่พอสำหรับมื้อเย็นเท่านั้นดังนั้นจะใช้เวลาไม่นาน
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงมัธยมและพรรคพวกได้หอยมามากมายนับ 10 กิโลกรัม มาถึงแม่บ้านเทพาเตรียมฟืนไฟสำหรับต้มหอยในกะทะใบใหญ่ จากนั้นเสิร์ฟมื้อเย็นเป็นข้าวสวยร้อน ๆ กับเมนูผัดกะเพรารวมกุ้งหอย ไข่เจียวเคย ต้มส้มปลากระบอก และหอยนางรมต้ม เมนูง่าย ๆ ที่อยู่คู่ควรชาวเทพามานับร้อยปี
ไม่ใช่แค่กุ้ง หอย ปู ปลาเท่านั้นที่เป็นหลักฐานชี้ชัดความสมบูรณ์ของเทพา แต่ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ชาวเทพายังมีอาชีพปลูกแตงโมที่เลื่องชื่ออีกด้วย
ปีอ๊ะ เคียนหิ้ม เกษตรกรวัย 55 ปี ระบุว่า เธอปลูกแตงโมส่งลูกเรียนจบปริญญาโทมาแล้ว รายได้หลักของเธอคือทำกะปิเคยที่ส่งขายได้เป็นพัน ๆ กิโลกรัม และอาชีพเสริมต้นปีคือปลูกแตงโมพันธุ์ตอปิโด และโบอิ้งขายได้รายได้ปีละหลายหมื่นบาท “3 เดือนนี้เท่านั้นช่วงเวลาทองของการขายแตงโม เราไม่ขายผ่านพ่อค้าคนกลางด้วย เราขายเอง แตงโมที่นี่ราคาประมาณกิโลกรัมละ 10-15 บาท ปลูกมา10ปีกว่าแล้วก็ยังขายราคาเดิม เพราะไม่รู้จะเอากำไรไปไว้ที่ไหนแล้ว อย่างทำแตงโมได้หลายหมื่น ทำกะปิได้เป็นแสน ๆ ต่อปี ถ้าโรงไฟฟ้ามาจะให้ฉันหารายได้ที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัว บ้านเรามีทุกอย่างเราพอแล้วนะ เราเสียบ้านไปไม่ได้จริงๆ” ปีอ๊ะ ย้ำในความมั่นคงทางอาชีพและยืนยันในการต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเนื้อที่ปลูกแตงโมปลอดสารพิษของปีอ๊ะมีเพียง 10 กว่าไร่และที่ชุมชนปากบางจะมีคนปลูกราว 50 หลังคาเรือน เมื่อปลูกได้เกษตรกรจะนำไปตั้งซุ้มขายข้างทางซึ่งหากใครผ่านพื้นที่ตำบลสะกอมกับตำบลปากบาง อำเภอเทพา จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าขายแตงโมตลอดทางทรัพยากรทั้งทางบก ทางน้ำ ที่กล่าวมาข้างต้นนี่เองช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเทพาให้มั่นคง ยั่งยืน เป็นต้นทุนของชุมชนที่คนเทพาไม่ยอมแลกกับโรงไฟฟ้าถ่านหินหากรัฐบาลเข้าใจ ยอมรับความยั่งยืนเช่นนี้คงจะไม่ปล่อยให้ EHIA ผ่านไปโดยง่าย จากนี้คงต้องไปลุ้นกันต่อกับการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจะมีมติอย่างไร ซึ่งเดิมทีมีแผนจะประชุมพิจารณาเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่า วาระดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป แต่ที่แน่ ๆ คนเทพายืนยันว่า “โรงไฟฟ้าขนาดกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ไม่จำเป็นใด ๆ ต่อการดำรงชีวิต หากรัฐบาลยังเดินหน้าทำต่อเท่ากับเดินหน้าทำลายชีวิตของชาวบ้าน”เรื่อง/ภาพ โดย จารยา บุญมาก