Search

ความเปลี่ยนแปลง ณ ปากแม่น้ำโขง

ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าเหนือฝั่งแม่น้ำเหิ่ว..ฉากชีวิตของผู้คนบนสายน้ำพลุกพล่านไปกับเรือพายข้ามฟาก เรือขนส่งสินค้า เรือท่องเที่ยว และเรือลำใหญ่ระวางบรรทุกราว 500 ตัน สัญจรไป-มา อย่างไม่ขาดสาย พูดได้ว่า “เกิ่นเทอ” เป็นเมืองหลวงศูนย์กลางดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เมื่อลืมตาตื่นแสงตะวันก็นำสายตาให้พบเห็นแม่น้ำกับเรือ

แม่น้ำโขงเริ่มแยกออกเป็นสองสายมาจากโตนเลซับหรือทะเลสาบเขมรไหลเข้าสู่ชายแดนสู่เวียตนามใต้ด้านเมืองอันยาง สายบนเรียกว่าแม่น้ำเตี่ยน มีความหมายว่าข้างหน้า สายล่างเรียกว่าแม่น้ำเหิ่ว มีความหมายว่าข้างหลัง ก่อนจะแยกแผ่ออกไปเป็นเก้าสายลงสู่ทะเลจีนใต้ ถูกขานนามว่าเก้ามังกร นอกเหนือจากแม่น้ำสายหลักยังมีคลองเล็กคลองน้อยไหลเชื่อมโยงเหมือนรากแขนงของต้นไม้ใหญ่ ว่ากันว่าหากวัดความยาวมารวมกันก็จะมีความยาวนับพันกิโลเมตร สายน้ำไหลมาพร้อมกับตะกอนดินสะสมทำให้ปากแม่น้ำโขงงอกออกทะเลโดยเฉลี่ยปีละ 70-80 เซนติเมตร

 

เกิ่นทอเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งผืนดิน-แผ่นน้ำ โดยแม่น้ำมีความหลากหลายทางชีวภาพอันดับ 3 ของโลก มีการประมวลผลความยาวใหม่โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเมื่อปีพ.ศ.2543 ทำให้แม่น้ำโขงมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับที่ 8 ของโลก จากที่ราบสูงทิเบต มณฑลชิงไห่ ถึงเวียตนามใต้ 4,909 กิโลเมตร

 

รากเง้าวิถีของผู้คนในดินแดนแห่งนี้ เกิดขึ้นก่อนยุคประวัติศาสตร์สู่ยุคอาณาจักรฟูนัน-เขมรเก่า อาณาจักรพระนคร อาณาจักรเจนละ อยู่ในการปกครองของจีน และเรื่องราวการต่อสู้ของคนท้องถิ่นจากการรุกรานเพื่อการครอบครอง ผืนดิน ผืนน้ำ ผ่านมาอีก 157 ปี นับแต่ตกเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส สงครามอินโดจีนกับอเมริกา นำไปสู่การต่อสู้ทั้งภายนอกภายในสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของเวียตนามโดย โฮจิมินห์

 

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีพื้นที่ 64,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 40 ล้านไร่ แบ่งออกเป็น 13 จังหวัด มีประชากรกว่า 20 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 93 ล้านคน รายได้หลักของชาวบ้าน พึ่งพาการเกษตรกรรม ปลูกพืชพัก ผลไม้ เช่นเดียวกับพื้นที่ปากน้ำฝั่งอ่าวไทย และการปลูกข้าวยังเป็นรายได้หลักของเมือง ของประเทศ ความพิเศษของตะกอนดิน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ย และปัจจัยอื่นๆจากภายนอกมากนัก อย่างไรก็ตามผลผลิตทางการเกษตรต่อไร่สูงกว่าพื้นที่อื่นๆของประเทศ หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลข่าวTcij ระบุว่า ระหว่าง ปีพ.ศ.2551-2554 เวียตนามมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 848 กิโลกรัมต่อไร่ ถึง 853 กิโลกรัมต่อไร่

 

ปัจจุบันมีการส่งเสริมความรู้ทางเทคนิคเรื่องการปรับปรุงสายพันธุ์ใหม่ๆกับเกษตรกรทำให้ผลผลิตไต่ระดับสูงขึ้นสู่ 1 พัน กิโลกรรมต่อไร่ อยู่ในอันดับ 4 ของโลก รองจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน

 

Save the Mekong ได้งานสัมมนาขององค์กรภาคีนานาชาติเพื่อการปกป้องแม่น้ำโขง โดยมีผู้แทนชาวบ้านจาก ลาว เขมร เวียตนาม นักวิชาการจากมหาวิทยาเกิ่นเทอ ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2561 ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เรื่อง ภาพรวมเขื่อนแม่น้ำโขง : ยุทธศาสตร์ใหม่ ผู้เกี่ยวของใหม่ , นโยบายพลังงานระดับประเทศและภูมิภาค , ทุนจีนในลุ่มน้ำโขง กรอบความร่วมมือในแม่น้ำหลานซาง-แม่น้ำโขง(LMC) , กลไกเพื่อธรรมมาภิบาลในการจัดการน้ำและพัฒนา ของกรรมาธิการแม่น้ำโขง(MRC) , ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง“แม่น้ำโขง, เวทีสาธารณะ , “แม่น้ำโขงการคุกคามกับการปกป้องแม่น้ำโขงและชุมชน” ภายใต้หลักการความร่วมมือในเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาคมโลก

 

บทสรุปจากการสัมมนา และเวทีสาธารณะ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงโดยภาพรวมของแม่น้ำโขงเริ่มจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำสายหลักตอนบน 7 แห่ง รวมถึงการระเบิดเกาะแก่ง เพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือระยะที่1 ระหว่างชายแดนจีน พม่า ลาว ในปีพ.ศ.2545-2546 มีผลกระทบต่อพื้นที่ใต้เขื่อน พม่า ลาว ไทย จากภาคเหนือ-ภาคอีสาน สร้างความเสียหายกับที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน-เกษตรริมโขง การประมง การท่องเที่ยว จากการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน มีข้อเสนอผ่านเวทีสาธารณะว่าด้วยการศึกษาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนตอนบนไปแล้ว 7 แห่ง รวมถึงการระเบิดแก่งเพื่อการเดินเรือระหว่างชายแดน จีน พม่า ลาว การทบทวนแผนการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนล่าง 11 แห่ง และการสร้างจุดร่วมในการอนุรักษ์-ฟื้นฟูแม่น้ำโขง หลังเกิดเป็นหาจากพัฒนามา 22 ปี

 

ผู้แทนชาวบ้านจากประเทศลาวเล่าให้ฟังว่า พวกเขาเห็นปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงแม่น้ำโขงจากการสร้างเขื่อนเช่นเดียวกัน กังวลใจเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจในพื้นที่สี่พันดอน เขื่อนดอนสะโฮง อยากเห็นความร่วมมือในการศึกษาความเปลี่ยนแปลง และผลกระทบร่วมกัน แต่ชาวบ้านในลาวยังคงต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ

 

ขณะที่ผู้แทนจากเขมรเล่าว่า ทะเลสาบเขมรมีปัญหาปริมาณน้ำในทะเลสาบลดลง เกิดความผันผวน มีความชัดเจนว่าการประมงในทะเลสาบ และในแม่น้ำโขง ได้ลดจำนวนผลผลิตลดลง ชาวบ้านยืนยันว่าพวกเขามีรายได้จากการหาปลาน้อยลง อีกทั้งยังเกิดการแย่งชิงทรัพยากรผ่านการสัมปทาน

ส่วนผู้แทนจากเวียตนามบอกว่า ปัจจุบันสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงอยู่ในความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ ทั้งจากการพัฒนาในแม่น้ำโขง สภาวะโลกร้อน เกิดการไหลทะลักของน้ำเค็มเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรมลึกเข้ามาเกินกว่า 60 กิโลเมตร เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะในอดีตนั้นพวกเขารับรู้ว่าตะกอนดินทำให้แผ่นดินเพิ่มขึ้นทุกปี ชายฝั่งปากน้ำปกคลุมไปด้วยป่าชายเลนผืนใหญ่ ระบบนิเวศน์ในอดีตคือ ดินโคลน ป่าชายเลน น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำจืด เกิดการเปลี่ยนแปลง ปริมาณปลา พันธุ์สัตว์น้ำลดลง จึงต้องหันมาเลี้ยงสัตว์น้ำใต้ถุนบ้าน การทำฟาร์มเลี้ยงปลาสวาย กุ้ง สัตว์น้ำอื่นๆ รวมถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ฟาร์มมั่นคงในผลิตต้องใช้พื้นที่ที่ห่างจากแม่น้ำเกินร้อยกิโลเมตรแถบเมืองอานยาง ด้งท๊าบ ฝั่งตะวันออกด้านชายแดนเขมร และเกิ่นเทอในตอนบน กลายเป็นธุรกิจส่งออกต่างประเทศทดแทนปลาจากธรรมชาติร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย

 

ผู้แทนจากกรรมาธิการแม่น้ำโขง ได้สรุปการศึกษาผลกระทบในรอบ 7 ปี ด้านวิทยาศาสตร์ สังคม ต่อปัจจุบันและอนาคต เพื่อสร้างกลไกธรรมาภิบาลในการจัดการน้ำและการพัฒนา เขาบอกว่าได้พยายามที่จะให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลทั้งสี่ประเทศสมาชิกอย่างมีส่วนร่วมกับประชาชน เรื่องการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ความร่วมมือข้ามพรมแดน การชดเชยสิ่งที่สูญเสีย ทางเลือกพลังงานทดแทนจากสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง แต่ความห่วงใยเรื่องเขื่อนในแม่น้ำสายหลัก ยังไม่เท่ากับแผนการสร้างเขื่อนในประเทศลาวอีก 110 แห่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผลกระทบเพิ่มขึ้นต่อปริมาณน้ำที่จะไหลลงทะเลบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในอนาคต

 

ดร.ดวง วาน นี่ จากมหาวิทยาลัยเกิ่นเทอ ประเมินว่าปากแม่น้ำโขงในอนาคต คงหนีไม่พ้นผลกระทบที่จะรุนแรงยิ่งขึ้นหากการพัฒนายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “การพัฒนามีแต่การประเมินค่าการลงทุนและผลกำไร แต่ไม่เคยประเมินคุณค่าของระบบนิเวศน์ วิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชน ปัจจุบันชาวบ้านก็มีความลำบากมากยิ่งขึ้น ดูได้จากการดำรงชีพรายวันหากต้องออกหาปลา ในอดีตนับเวลาได้ว่า จะกี่นาที กี่ชั่วโมง สำหรับพอเลี้ยงชีพ ทว่าเดี๋ยวนี้ต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน”

 

นาย Hai Thanh ผู้นำเกษตรกรหมู่บ้าน My Khan ได้พาไปลงพื้นที่ศึกษาเกษตรในดินดอนสามเหลี่ยม โดยเกษตรกรเล่าว่า พวกเขาต้องปรับตัวมานานกว่าสิบปี ต้องพึ่งพาการเกษตร ปศุสัตว์ เป็นหลัก อากาศร้อนขึ้น และยากในการจะคาดเดาฤดูการได้อย่างถูกต้อง การเกษตรและปศุสัตว์ ต้องทำควบคู่กับการใช้พลังงานโมเดลไบโอแก๊ส ตอนนี้ประสบปัญหาการพึ่งไบโอแก็สจากการเลี้ยงหมูเนื่องจากเลี้ยงได้น้อยลงไม่คุ้มค่าการลงทุน “แม่น้ำลำคลองส่วนใหญ่ทำหน้าที่เพียงเส้นทางสัญจร เนื่องจากปริมาณสัตว์น้ำคงเหลือแค่เพียง 1% ถึงแม้บ้านของเราจะรายล้อมไปด้วยแม่น้ำ”

 

บนถนนเส้นทางบกสู่นครหลวงโฮจิมินห์ คลาคร่ำไปด้วยรถนานาชนิด มากจนเกือบไม่มีช่องว่างทั้งวันทั้งคืน เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมหาศาลที่นั่น สิ่งที่บรรทุกไปจากปากแม่น้ำคือแรงงาน สินค้าทางการเกษตร อาหารจากทะเล ขนความอุดมสมบูรณ์ออกจากพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

 

การเดินทางกลับพร้อมเพื่อนชาวลาวทำให้ได้เนื้อหาสาระเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้คนเวียตนามในวิถีคนกับสายน้ำกำลังนึกถึงอดีตท่ามกลางการแปรเปลี่ยน หากต้องการรายได้เพิ่มขึ้นต้องปรับตัวไปทำงานในเมืองใหญ่ การทำงานรับจ้างในพื้นที่พวกเขาได้ค่าแรงวันละ 80 บาท หากไปลาวก็จะได้เกิน 100 บาท จึงมีคนเวียตอยู่ในลาวเพิ่มมากขึ้น เขาบอกว่าแรงงานชาวเวียตทำงานขยัน อดทน มีคุณภาพ ส่วนแรงงานชาวลาวกลับเคลื่อนย้ายไปทำงานในไทย

 

เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การพัฒนาในลุ่มน้ำโขงทำให้คนจนจำนวนมากต้องพลัดพรากจากแผ่นดินถิ่นเกิด สายน้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ การพัฒนาก่อเกิดประโยชน์อย่างไม่เท่าเทียมกัน เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นที่พึ่งของคนพออยู่พอกิน สายน้ำไม่อาจเป็นที่พึ่งของคนเล็กคนน้อยได้ หากการพัฒนายังมุ่งสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุน และล่วงเข้าไปสู่อำนาจการเมืองข้ามพรมแดน ในอนาคตของคนลุ่มน้ำโขงกว่า ๖๐ ล้านคน พวกเขาอยู่ในความเสี่ยงหากต้องใช้ชีวิตพึ่งพาธรรมชาติตามฤดูการ อาจมองไม่เห็นพลังสร้างสรรค์โลกต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างที่ประชาคมโลกมุ่งหวัง


โดย สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา
เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา

 

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ