เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2561 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้มีการแถลงข่าว “พาลูกเรือกลับบ้าน” โดยมีแม่ น้องสาวและลูกสาวของนายสมเกียรติ สีเมืองโขง ลูกเรือประมงไทยที่เสียชีวิตบนเกาะเบนจิน่า ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเตรียมตัวไปรับกระดูกนายสมเกียรติมาร่วม โดยพี่สาวของนายสมเกียรติกล่าวว่ากล่าวว่า ในช่วงนั้นน้องชายคือนายสมเกียรติติดต่อมาทางโทรศัพย์ว่าอยากกลับบ้านในช่วงที่รัฐบาลกำลังไปช่วยเหลือ แต่ยังกลับไม่ได้เพราะในซีแมนบุคของนายสมเกียรติกลายเป็นชื่อกัมพูชา ทั้งนี้น้องชายหายไปจากบ้าน 5 ปีและไม่ได้รับการติดต่อกลับมาเลย เมื่อได้รับโทรศัพท์ตนได้สัญญากับน้องว่าจะพากลับบ้าน แต่สุดท้ายเขาเสียชีวิตก่อน ระหว่างที่เราได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตอนนั้นเขาไม่ค่อยสบายและไม่มีเงินซึ่งตนได้โอนเงินไปให้
“คนที่นั่นบอกว่านายสมเกียรติตกเรือตาย ตอนแรกเราไม่รู้ทำอย่างไรจริงๆ มีเพื่อนที่โน่นให้เบอร์ไต๋เรือ เมื่อโทรไปไต๋เรือก็ให้เบอร์เจ้าของเรือมา ตอนแรกเราบอกแม่ว่าจะช่วยน้องกลับบ้าน แม่ก็ดีใจ แต่อีกไม่กี่วันน้องชายเสียชีวิต เราเลยไม่รู้จะบอกกับแม่อย่างไร แต่ถ้าไม่รีบบอกแม่ท่านก็จะเสียใจมากกว่านี้ เลยตัดสินใจบอกแม่โดยให้เรียกรถพยาบาลและญาติๆมาให้เยอะที่สุด แล้วบอกแม่” พี่สาวของนายสมเกียรติ กล่าวพร้อมกับร้องไห้
ขณะที่แม่ของนายสมเกียรติ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า รู้สึกเสียใจมากจนพูดไม่ออก และไม่รู้จะทำอะไร ตอนแรกดีใจมากว่าเขาจะได้กลับบ้าน แต่พอได้ยินข่าวเขาเสียชีวิตแล้วก็เสียใจสุดๆ เราอุตส่าห์ตั้งตารอคอย จนลูกสาวคนเล็กไปเรียกญาติเยอะๆ และบอกว่าสมเกียรติเสียชีวิตแล้ว เราทำใจไม่ได้ แต่เมื่อตายแล้วก็ขอให้เอากระดูกกลับมาทำบุญ
นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิต (LPN) กล่าวว่าที่ผ่านมาครอบครัวสีเมืองโขงมีความหวังว่านายสมเกียรติจะได้กลับบ้าน แต่สุดท้ายนายสมเกียรติเสียชีวิตโดยปริศนาระหว่างรอกลับบ้าน อย่างไรก็ตามครอบครัวก็ยังรอจะได้กระดูก แต่ก็รอแล้วรอเล่ามาเกือบ 3 ปี ซึ่งครั้งนี้หลายฝ่ายได้ร่วมกันที่จะเดินทางไปนำกระดูกนายสมเกียรติกลับบ้าน อย่างไรก็ตามยังมีลูกเรือประมงผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมากบนเกาะต่างๆในอินโดนีเซีย
นางปฎิมา ตั้งปรัชญากูล หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือลูกเรือประมงกล่าวถึงการเสียชีวิตของนายสมเกียรติที่ถูกฝังอยู่บนเกาะเบนจินา ว่าที่นั่นมีหลุมศพกว่า 100 หลุมซึ่งถือว่ามีจำนวนมาก แต่คนเสียชีวิตพูดไม่ได้ เราจึงพาแม่และน้องของนายสมเกียรติมาตรวจดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบว่าคือสมเกียรติจริงๆหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบ 1 ปี ดังนั้นเมื่อเขาเป็นคนไทยจึงต้องพากลับบ้าน ซึ่งนายสมเกียรติเป็นศพแรกที่ได้กลับ แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้กลับ เราคิดว่าทุกศพก็อยากกลับบ้านเช่นกัน และผู้สูญหายทุกคนต่างมีครอบครัวรออยู่
“ตอนที่ไปเจอหลุมศพ เราได้อธิษฐานว่าช่วยนำคนที่มีลมหลายใจกลับก่อน ซึ่งที่ผ่านมามีแรงงานได้กลับบ้านแล้วเกือบ 3 พันคน และหลังจากนั้นค่อยนำคนที่เสียชีวิตเกือบ 2 ร้อยคนกลับบ้าน ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นภารกิจที่พาศพเหล่านั้นกลับบ้าน” นางปฎิมา กล่าว
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจบริจาคเงินช่วยเหลือในภารกิจ “นำลูกเรือกลับบ้าน”สามารถโอนเงินได้ที่บัญชี Labour Rights Promotion Network ธนาคารกรุงเทพ สาขา จามจุรีสแควร์ เลขที่ 1620094320
——————-