เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 นางสายใจ หาญทะเล ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เปิดเผยว่า พวกตนกำลังได้รับความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องจากที่ดินที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ถูกนายทุนบุกรุก โดยเมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีนายทุนที่อ้างกรรมสิทธิในที่ดินแปลงหนึ่งจำนวน 9 ไร่ ได้ไปขุดและถมที่ดินในพื้นที่ที่เคยเป็นที่ดินสาธารณะ และทราบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวได้บวมงอกออกมาเป็น 23 ไร่ทำให้ตนซึ่งมีบ้านในบริเวณดังกล่าวเดือดร้อน ในที่สุดจึงได้ร้องเรียนไปยังนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดนายทุนได้หยุดขุด-ถมที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารังวัดที่ดิน
“จริงๆแล้วที่ดินตรงนี้ควรเป็นของสาธารณะ หรือของอุทยานฯเพราะเป็นแอ่งน้ำ เราเคยไปค้านการรังวัดแปลงนี้ และเราได้ไปแจ้งความบนโรงพักที่บนเกาะ ตอนแรกเขาไม่รับ แต่ตอนหลังรับ”นางสายใจกล่าว
นางสายใจกล่าวว่า ตอนนี้ชาวเล 150 ครอบครัวกำลังเดือดร้อนเพราะที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ลูกหลานอยู่ร่วมกัน ซึ่งแต่เดิมในสค.1 ระบุว่ามีเนื้องที่ 51 ไร่แต่เมื่อออกนส.3 กลับเพิ่มจำนวนเป็น 81 ไร่และตอนนี้ได้บวมเป็น 200 ไร่ ซึ่งทราบว่าขณะนี้อุทยานฯกำลังตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการจับกุมผู้ที่บุกรุกที่ดินของอุยานด้วย
“ทุกวันนี้ชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะอยู่อย่างไม่สบายใจเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บ้านก็รั่ว เขาก็ไม่ให้ซ่อมบ้านแม้จะขนไม้มาจากบนฝั่ง เราก็ไม่รู้เพราะอะไร เราตกเบ็ดหาปลาก็ลำบาก เมื่อก่อนเราอยู่กันอย่างสบายเพราะไม่มีใครเข้ามา แต่เดี๋ยวนี้ต่างเดือดร้อนเพราะถูกรุกที่ดินจนแทบไม่มีที่อยู่อาศัย เราเชื่อว่าถ้าอุทยานฯตรวจสอบจริงๆ และเอาพื้นที่ที่ถูกนายทุนบุกรุกคืนมาได้ก็จะมีที่ดินพอให้ชาวเลซึ่งอยู่กันมานาน ได้มีที่ดินพออยู่อาศัย”นางสายใจ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากนายวราวุธได้รับการร้องเรียนจากชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะได้สั่งการไปยังกรมอุทยานฯให้ตรวจสอบปัญหาดังกล่าว โดยล่าสุดทางกรมอุทยานฯได้เข้าตรวจสอบพบว่ามีเครื่องจักรกำลังปรับดิน และถมดิน จึงได้แจ้งให้หยุดดำเนินการและขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว และได้สอบถามรายละเอียดของเอกสารทางที่ดิน ตลอดจนได้สอบถามกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีการถมดิน ซึ่งผู้ครอบครองที่ดินอ้างว่าอาณาเขตที่ดินทิศตำแหน่งที่ดินสอดคล้องกับตำแหน่งที่ดิน ส่วนการพูดคุยกับชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียงคือนางสวัสดี หาญทะเล และญาติๆซึ่งเป็นผู้อ้างสิทธิการครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้น ว่าบรรพบุรุษของตนได้ครอบครองมาตั้งแต่อดีต ซึ่งตนเองเป็นรุ่นเหลนและอาศัยทำกินในที่ดินแปลงนี้มาตลอดจนเมื่อประมาณต้นปี2562 ได้มีนายทุนแสดงสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวและให้นางสวัสดี หาญทะเล ออกจากที่ดินแปลงนี้
ข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ซึ่งระบุว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาการตรวจสอบของคณะกรรมการจังหวัดสตูล อย่างไรก็ตามกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจพิสูจน์เอกสารสิทธิ์ที่ดินจากส่วนกลาง ดำเนินการตรวจสอบแปลงที่ดินดังกล่าวควบคู่ไปอีกทางหนึ่งด้วย
อ่านข่าวเพิ่ม https://transbordernews.in.th/home/?p=4678
https://transbordernews.in.th/home/?p=5253
https://transbordernews.in.th/home/?p=12024
https://transbordernews.in.th/home/?p=8671
https://transbordernews.in.th/home/?p=8063