
สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี รายงานเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 ว่ามีชาวบ้านหลายครอบครัวจาก 6 หมู่บ้านที่ถูกโยกย้ายไปแปลงอพยพจากเขื่อนน้ำอู 3 เมืองงอย แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ยังไม่ได้รับค่าชดเชยครบถ้วน เช่นค่าที่ดินสวนไร่นาที่ถูกน้ำท่วม ค่าที่ดินอยู่อาศัยที่เสียไป ค่าย้ายป่าช้า ค่าชดเชยต้นไม้และชดเชยการประกอบอาชีพ โดยชาวบ้านทั้ง 6 หมู่บ้านประกอบไปด้วย บ้านหาดสา สบขิง โพนซะนะ หาดขาน ปากลาว และห้วยแรม ปัจจุบันเขื่อนน้ำอู 3 กำลังสร้างเสร็จและเตรียมกักเก็บน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
ชาวบ้านรายหนึ่งจากบ้านหาดสา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับค่าขดเชยหลายส่วน เช่น ค่าที่ดินไร่สวนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างแปลงอพยพ ที่ทำกินที่ถูกน้ำท่วม บ้านเรือนบางส่วน ยุ้งข้าวรวมถึงป่าช้าที่ยังไม่มีการจ่ายค่าชดเชยให้ชาวบ้าน เฉพาะบ้านหาดสา มีประมาณ 30 ครอบครัวที่มีความเสี่ยงถูกน้ำท่วมโดยชาวบ้านไม่พอใจต่อค่าชดเชยที่จะได้รับเพราะน้อยมาก และต้องไปสร้างบ้านอยู่เอง แม้ว่าทางการจะเตรียมถมที่ดินให้ก็ตาม นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีก 17 ครอบครัวที่ได้เงินค่าชดเชยประมาณ 26,000 บาท หรือ 8 ล้านกีบ และที่ดินที่ 1 แห่ง และ 14 ครอบครัว ได้ที่ดินครอบครัวละ 66,000 บาท แต่ต้องไปสร้างบ้านใหม่เอง ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป

ปัจจุบัน ชาวบ้านที่ย้ายจากบ้านหาดสาซึ่งได้โยกย้ายออกไปแล้วนั้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก ไม่มีที่ดินทำมาหากิน เพราะน้ำท่วมทั้งหมด พวกเขาต้องเข้าป่าเพื่อหาของป่าเลี้ยงชีพและชาวบ้านก็ยังรอให้ทางการเข้ามาปรับปรุงระบบน้ำในแปลงอพยพอยู่
ขณะที่ชาวบ้านโพนซะนะรายหนึ่งกล่าวว่า กล่าวว่า ยังรอค่าชดเชยส่วนที่เหลือ เพราะทางการบอกให้รอ แต่ก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่และยังมีชาวบ้านอีก 20 กว่าครอบครัวที่ยังไม่ได้โยกย้ายจากหมู่บ้านเดิม เพราะว่ายังไม่ได้รับค่าชดเชยและไม่พอใจแปลงอพยพใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเดิมถึง 10 กิโลเมตร ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่ยอมโยกย้ายออก

ขอบคุณภาพจาก เพจเป็นเรื่องเป็นลาว
“เขาจ่ายค่าชดเชยเพียงครึ่งหนึ่ง เป็นกลุ่มชาวบ้านที่ต้องย้ายจากที่เดิมขึ้นไปที่สูง และชาวบ้านที่อยู่ต่ำก็ยังไม่ได้รับค่าอะไรเลย เพราะชาวบ้านไม่ยอมย้ายไปอยู่ที่ใหม่ คาดว่ามีประมาณ 20 ครอบครัวที่ยังไม่ได้รับค่าชดเชยสักกีบเดียว แม้ทางบริษัทจะเอาเงินให้ 800 ล้านกีบ และจะปรับปรุงที่ดินให้ ชาวบ้านก็ไม่ยอม เพราะที่อยู่ใหม่ไม่เหมาะสม”ชาวบ้านกล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานเมืองงอยรายหนึ่งกล่าว่า ชาวบ้านดังกล่าวได้ค่าชดเชยในการโยกย้ายไปแล้ว 80 % เหลืออีกประมาณ 20 % ซึ่งก็ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับการชดเชยส่วนที่เหลือให้กับหน่วยงานระดับสูงและบริษัทที่ก่อสร้างเขื่อนน้ำอูแล้ว และทางหน่วยงานระดับแขวงก็แจ้งให้รอไปก่อน ทางสำนักงานเมืองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทางบริษัทก็ไม่ได้แก้ไขตามที่ทางเมืองเสนอไปและไม่รู้จะทวงถามอย่างไรต่อไปเช่นกัน
ทั้งนี้เขื่อนน้ำอู 3 ตั้งอยู่บนแม่น้ำอู เหนือเมืองงอยเก่าขึ้นไปประมาณ 4 กิโลเมตร กำลังการผลิต 210 เมกะวัตต์ มีบริษัท ซิโนโฮโดรของจัน เป็นผู้ก่อสร้างและบริหาร เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2015 เป็น 1 ใน 7 เขื่อนขั้นบันไดของแม่น้ำอู ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จและเตรียมจะกักเก็บน้ำในวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 โดยแม่น้ำอูเป็นแม่น้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดสายหนึ่งของแม่น้ำโขง