เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้มีหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อขอเชิญเข้าร่วมประชุมนำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าการดำเนินงานการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ ลำพูน 3-สบเมย (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1)
ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้ว่าจ้างบริษัทปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัดให้ดำเนินการศึกษาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ นั้น การดำเนินงานที่ผ่านมาโครงการได้มีการประชาสัมพันธ์และจัดการประชุมนำเสนอข้อมูล ผลประโยชน์และผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับจากการพัฒนาโครงการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบผ่านการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2560 อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการนำเสนอความก้าวหน้าพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อนำไปปรับปรุงแนวทางในการดำเนินการศึกษาโครงการเพิ่มเติมให้มีความครบถ้วนสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในปัจจุบัน จึงเรียนเชิญเข้าร่วมประชุมในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาวัดบ้านแม่อ่างขาง ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยแสดงการกำหนดให้มีกลุ่มเป้าหมายที่เรียนเชิญในการเข้าร่วมประชุมดังนี้เ หมู่ที่ 12 บ้านกะเบอะดิน 20 คน บ้านผาแดง(คุ้มบ้าน) 10 คน หน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 คน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกันยายน ผู้แทนกฟผ.ได้มีหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านในหลายพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือปิดประกาศกำหนดเขตสำรวจระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยระบุว่า กฟผ.จะดำเนินการสำรวจข้อมูลทั่วไปเพื่อเลือกแนวที่เหมาะสมสำหรับก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ ลำพูน3-สบเมย เพื่อให้การปฎิบัติเป็นไปตามมาตรา 105 แห่ง พรบ.การประกอบกิจการพลังงาน 2550 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการประกาศกำหนดเขตสำรวจระบบโครงข่ายไฟฟ้าไว้ ณ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอ ที่ทำการกำนัน และที่ทำการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน กฟผ.จึงขอส่งสำเนาประกาศกำหนดเขตสำรวจระบบโครงข่ายไฟฟ้าตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
ทั้งนี้ในสำเนาประกาศที่ กฟผ.ส่งมาด้วยนั้น เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า ประกาศเพื่อให้ทราบโดยทั่วกันว่า กฟผ.จะดำเนินการสำรวจระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั่วไปเพื่อเลือกแนวที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์จากสถานีย่อยลำพูน 3 ไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีการกำหนดเขตบริเวณที่จะเดินระบบโครงการไฟฟ้า มีความกว้างจากแนวศูนย์กลางของเสาสายส่งไฟฟ้าด้านละไม่เกิน 40 เมตร และจะทำการสำรวจในท้องที่ต่างๆดังนี้ 1. จังหวัดลำพูดประกอบด้วย อำเภอเมืองลำพูน อำเภอแม่ทา อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอเวียงหนองล่อง 2.จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด อำเภอดอยเต่า 3.จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย อำเภอสบเมย
ด้านนายพิบูลย์ ธุวมณฑล ผู้แทนเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์อมก๋อย กล่าวว่า โครงการสายไฟฟ้าแรงสูง แรกสุดได้ทราบจากประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อมก๋อย ว่ากฟผ ขอใช้พื้นที่เพื่อทำโครงการ แต่สภาอบต.ไม่อนุมัติ หลังจากนั้นก็ได้เห็นจดหมายที่กฟผ.ถึงผู้ใหญ่บ้านในอำเภอฮอด อำเภออมก๋อย อำเภอสบเมย โดยบอกว่าโครงข่ายสายไฟฟ้าครั้งนี้นี้จะความกว้างข้างละ 30 เมตร และผ่านไร่หมุนเวียน ป่าต้นน้ำ นา หมู่บ้าน พื้นที่ของชาวบ้าน
“โครงการนี้จะผ่าผืนป่าเต็มๆ ซึ่งที่ผ่านมา กฟผ ยังไม่เคยเข้ามามาชี้แจงในพื้นที่ให้ชาวบ้านเข้าใจเลย แต่เห็นว่ามีการนัดประชุม ชาวบ้านซึ่งชาวบ้านที่พอทราบข่าวส่วนใหญ่บอกว่าชาวอมก๋อยไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไร เพราะพื้นที่อมก๋อยเป็นแค่ทางผ่านไปอย่างเดียว แต่ทำลายป่าที่ชาวบ้านดูแลร่วมกัน ตอนนี้ชาวบ้านยังไม่ค่อยรู้ข้อมูลโครงการเลย รับรู้เพียงแต่ผู้นำ ตอนนี้พวกเราชาวอมก๋อยเจอโครงการใหญ่ๆ ที่จะเข้ามาทำลายวิถีชีวิตเต็มๆ หลายโครงการ ทั้งโครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพลที่จะสร้างอุโมงค์ผ่าป่า โครงการเหมืองแร่ถ่านหิน ล่าสุดคือโครงการวางระบบสายไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงกับการทำไร่หมุนเวียนเพราะตลอดแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เขาไม่ยอมให้มีต้นไม้ขึ้นเลย ถือว่าเป็นความสูญเสียป่าไม้อย่างถาวร” นายพิบูลย์ กล่าว
น.ส.พรชิตา ฟ้าประทานไพร เยาวชนบ้านกะเบอะบิน อ.อมก๋อย กล่าวว่าชาวบ้านร้อยละ 99 ยังไม่รู้เรื่องโครงการสายส่งไฟฟ้าของกฟผ. แต่เขาจะมาชี้แจงวันที่ 24 ตุลาคม โดยชาวบ้านยังไม่เข้าใจว่าโครงการนี้เป็นอย่างไร และได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง เราคงตั้งคำถามมากมาย เช่น โครงการนี้ผ่านไร่-นาของชาวบ้านหรือไม่ และถ้าผ่านจะทำอย่างไร โดยการเปิดเวทีครั้งนี้เชิญชาวบ้านกะเบอะดินแค่ 20 คน ทั้งๆ ที่ชาวบ้านในหมู่บ้านมีกว่า 400 คน ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเชิญแค่ 20 คนและคนที่เหลือจะยอมรับตัวแทน 20 คนที่ไปร่วมเวทีหรือไม่เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะจริงๆ แล้วชาวบ้านอยากไปฟังกันเยอะกว่านี้เพราะเชื่อว่าต่างได้รับผลกระทบ
“ชาวบ้านกังวลใจทั้งเรื่องที่ดินทำกิน วิถีชีวิตที่จะได้รับผลกระทบ เราเป็นห่วงผลกระทบเรื่องสุขภาพด้วย เราอยู่กันมาเป็นร้อยๆปีแต่ช่วงนี้เจอโครงการใหญ่ๆ 3 โครงการ พวกเรามีคำถามในใจว่า พวกเราจะไม่มีแม้กระทั่งสิทธิในที่ดินที่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เราช่วยกันดูแลป่า รักษาป่า ทำแนวกันไฟทุกปี แต่สุดท้ายแทบไม่สิทธิในการยืนยันในผืนป่าเหล่านี้เลยหรือ ทุกโครงการที่เข้ามาเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมน้อยมาก ยิ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้ เราไม่เข้าใจภาษาราชการ เราจึงอยากให้เขาอธิบายแบบที่เราเข้าใจได้ มีคนแปล”น.ส.พรชิตา กล่าว
อนึ่ง ในวันที่ 21-22 ตุลาคม ชาวอมก๋อยจะร่วมกันจัดงานครบรอบ 1 ปีของการร่วมกันคัดค้านสัมปทานเหมืองแร่ถ่านหิน โดยจะมีรวมตัวแสดงจุดยืน ณ บริเวณที่หน้าการอำเภออมก๋อย และมีการจัดริ้วขบวนรณรงค์ไปยังบ้านหนองกระทิงมุ่งสู่บ้านกะเบอะดิน และจะมีเวทีเสวนา “เหมืองแร่ถ่านหิน 1 ปีการต่อสู้และก้าวย่างของคนอมก๋อย” นอกจากนี้ยังมีเวทีให้ความรู้ในประเด็นเรื่องโครงการผันน้ำยวม จากลุ่มน้ำสาละวิน สู่เขื่อนภูมิพลของกรมชลประทาน และประเด็นโครงการสายไฟฟ้าแรงสูงของกฟผ.ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชาวอมก๋อย
//////////////////////////////