หลังเครื่องบินรบของทหารพม่าบุกโจมตีฐานที่มั่นของทหารกะเหรี่ยง KNU เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 ทำให้มีชาวกะเหรี่ยงหลายพันคนต้องอพยพหนีภัยการสู้รบจากหมู่บ้านเด่ปูโนะ และหมู่บ้านต่างๆมุ่งหน้ามายังแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นเส้นพรมแดนระหว่างไทย-พม่าด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ชาวกะเหรี่ยงที่หนีตายครั้งนี้ บางส่วนถูกผลักดันกลับฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่าภายในชั่วข้ามคืน เช่น ผู้หนีภัยจากค่ายผู้พลัดถิ่นอินตุท่า แต่ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่พักพิงอยู่ริมแม่น้ำสาละวินฝั่งไทยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวินอยู่นายนับสัปดาห์ แต่ข่าวของพวกเขากลับได้รับการเผยแพร่ไม่กว้างขวางเท่าที่ควรเพราะถูกปิดกั้น เนื่องจากสื่อมวลชนถูกห้ามเข้าพื้นที่ ขณะที่ความช่วยเหลือต่างๆที่หลั่งไหลมาถึงกลับไปถึงมือผู้ที่กำลังเดือดร้อนอย่างยากลำบาก เพราะถูกปิดกั้นเช่นเดียวกันในช่วงแรก และเพิ่งมีการผ่อนปรนบ้างในช่วงหลัง
ท้ายที่สุดชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยการสู้รบส่วนใหญ่ถูกผลักดันกลับฝั่งพม่าทั้งๆที่พวกเขายังหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัยเนื่องจากเครื่องบินรบของทหารพม่ายังคงบินตรวจการอยู่อย่างต่อเนื่อง
เสียงตะโกนดังๆที่ตั้งเป็นคำถามคือ “มนุษยธรรม” อยู่ที่ใด และใครเป็นผู้ทำให้ความรู้สึกปลอดภัยของผู้หนีภัยหลายพันคนเหล่านี้เกิดขึ้นได้บ้าง