เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อออนไลน์ในลาวรายงานว่า วันนี้ชาวประมงในกัมพูชาพบซากปลาข่าหรือโลมาอิรวะดีขนาดใหญ่ น้ำหนัก 180 กิโลกรัม ลอยอยู่ริมฝั่งต้นไม้บนแม่น้ำโขงในเขตสตรึงเตร็งของลาว คาดว่าเป็นปลาข่า 1 ใน 2 ตัวที่เหลืออยู่ในเขตบ้านหางคอน เมืองโขง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว
การพบซากปลาข่าครั้งนี้ ประชาชนลาวต่างแสดงความคิดเห็นรู้สึกเศร้าเสียใจและเสียดาย และได้แลกเปลี่ยนถึงสาเหตุของการตายของโลมาอิระวดี ซึ่งคาดว่าตายด้วยการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายของชาวประมงที่ร้ายแรง จึงส่งผลกระทบจนทำให้โลมาอิระวดีตายลง
รายงานของทางการลาวระบุว่า เมื่อปี 2020 บริเวณแม่น้ำโขง บ้านหางคอน มีโลมาอิรวะดีอาศัยอยู่ประมาณ 3 ตัวและพบการลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องจากการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย ล่าสุดเหลือเพียง 1 ตัวเท่านั้น
นับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนดอนสะโฮง และเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเมื่อ เดือนธันวาคม 2019 โลมาอิรวดีฝูงที่อยู่อาศัยในช่วงชายแดนกัมพูชา-ลาว ได้ย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยเข้าไปข้างในประมาณ 2 กิโลเมตรจากบริเวณก่อสร้าง เนื่องจากถูกรบกวนจากเสียงการก่อสร้างและระเบิดหินเพื่อก่อสร้าง ทั้งนี้ได้มีการห้ามชาวประมงทำหลี่ เพื่อจับปลาในเขตเมืองโขง ทำให้ชาวบ้านขาดรายได้จากการจับปลาช่วงหน้าฝนและจากเครื่องมือหลี่เป็นหลัก จึงมีการลักลอบใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายในการจับปลามากขึ้น
โลมาอิรวะดี ที่บ้านหางคอน เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วประเทศลาวและทั่วโลกเดินทางมาชมความงามของแม่น้ำโขง ซึ่งได้สร้างเศรษฐกิจให้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง โดยเมื่อปี 2020 มีรายงานว่า โลมาอิรวะได้กลับมาอาศัยอยู่บริเวณเวินลึกตรงบ้านหางคอนอีกครั้ง ต่อมาเมื่อมีการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมายังพื้นที่ดอนคอนและดอนโขงชาวบ้านจึงมียิ่งลำบากในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขาดรายได้นับเป็นปีที่ 2 และทางการเข้มงวดในการใช้เครื่องมือจับปลาในเขตดอนโขง จึงอาจจะเป็นสาเหตุให้มีการใช้เครื่องมือในการหาปลาที่ผิดกฎหมายมากขึ้นอีกครั้ง จนส่งผลกระทบให้ต่อโลมาอิรวดีตายลงดังกล่าว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของบ้านหางคอนในอนาคตต่อไป