วันที่ 11 มกราคม 2565 สำนักข่าว BBC Burmese รายงานว่า นายจ่อโมตุนเอกอัครราชทูตพม่าประจำสหประชาชาติ (UN) ได้เรียกร้องให้เลขาธิการ UN สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ดำเนินการปราบปรามกองทัพพม่า
โดยในจดหมายระบุว่า กองทัพพม่าใช้อาวุธหนัก เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธในรัฐคะเรนนี (รัฐคะยา หรือกะเหรี่ยงแดง) ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ส่งผลให้พลเรือนหลายหมื่นคนหลบหนีการสู้รบในเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐคะเรนนี มีผู้เสียชีวิต บ้านเรือนถูกทำลาย การใช้กำลังของทหารพม่าไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในรัฐคะเรนนีแต่ยังส่งผลกระทบถึงส่วนอื่น ๆ ของประเทศด้วย
ทูตพม่าเรียกร้องให้สหประชาชาติดำเนินการอย่างทันท่วงที เพื่อปกป้องประชาชนพม่าจากอาชญากรรมสงครามทางทหารและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ขณะที่สำนักข่าวคะเรนนี กันตรวดีไทมส์ Kantarawaddy Times รายงานว่า ประชาชนในรัฐคะเรนนีจำนวนมากหลั่งไหลออกจากเมืองเพื่อลี้ภัยสงครามที่กำลังดุเดือด
การต่อสู้ระหว่างทหารพม่าและกองกำลังในพื้นที่ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ในเมืองดีมอโซ และขยายไปยังเมืองพรูโซและลอยก่อ
ชาวบ้านในพื้นที่หนีการสู้รบเข้าไปในป่า แต่เมื่อการต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงตัดสินใจหนีออกจากเมือง ผู้ลี้ภัยหญิงคนหนึ่งในเมืองลอยก่อกล่าวว่า “เราหวาดกลัวและผวาทำให้ต้องออกมา ไม่มีใครอยากออกจากบ้าน แต่ว่าต้องทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วออกมาตัวเปล่า”
ผู้หนีภัยออกจากเมืองพร้อมกับข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ผู้หนีภัยจำนวนมากต้องหนีสงครามไปต่างเมืองที่ไม่มีแม้คนรู้จักหรือญาติพี่น้อง เพื่อไปอาศัยอยู่ในวัดหรือโรงเรียน
นายออง ซาน มยิ้น โฆษก Karenni State Consultative Council (KSCC) กล่าวว่า กำลังให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
“บางเส้นทางสัญจรถูกปิดกั้นโดยทหารพม่า ดังนั้นกองกำลังป้องกันประชาชน (PDF) และกองกำลังป้องกันแห่งชาติคะเรนนี (KNDF) จึงได้ช่วยอพยพผู้คนไปยังเส้นทางที่ปลอดภัย บางส่วนได้รับการช่วยเหลือแล้ว หลายหมื่นคนอพยพไปในรัฐฉาน ผู้คนบางส่วนออกจากรัฐคะเรนนีและยังมีบางส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ ทั้งนี้ KSCC มีคณะกรรมการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรม ดังนั้นเราจึงพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ด้วยผู้ลี้ภัยที่มีจำนวนมาก ทำให้เราช่วยเหลือได้อย่างไม่ครอบคลุม” เขากล่าว
หญิงผู้หนีภัยคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันรู้สึกเศร้า ครอบครัวของฉันก็เศร้าเช่นกัน ฉันอยากจะร้องไห้ เราไม่ได้มีเวลาเตรียมตัว และเตรียมอาหารก่อนออกมาเลย อะไร ๆ ก็ดูย่ำแย่ไปหมด ฉันกังวลมาก” เธอกล่าว
ทั้งนี้การต่อสู้ในรัฐคะเรนนีทวีความรุนแรงขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากอพยพออกจากเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ