เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 นายพลบีทู ผู้บัญชาการกองกำลังคะเรนนี (Karenni Army) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการทหารของพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี (Karenni National Progressive Party-KNPP) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบถึงสถานการณ์การสู้รบกับกองทัพพม่า ว่าชาวบ้านมีแต่มือเปล่า อยู่ๆ ทหารพม่าก็มาเผาหมู่บ้าน ใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพราะฉะนั้นเยาวชนของเราจึงมีสิทธิที่จะป้องกันประชาชนและทรัพย์สิน โดยทหารพม่าต้องการทำลายประชาชนในพื้นที่ให้หมด ก่อนที่มาใช้รถถัง ทิ้งระเบิด ใช้ปืนใหญ่ กองทัพพม่าประกาศแล้วว่ารัฐคะเรนนีต้องเป็นขี้เถ้า
นายพลบีทูกล่าวว่า ทหารคะเรนนีต่อสู้มาแล้วกว่า 70 ปี และกองกำลังป้องกันประชาชน PDF ต่อสู้มาประมาณ 10 เดือน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ ซึ่งตนคิดว่ารอบนี้ต้องมีชัยชนะ เพราะกำลังของพม่า 7 หมื่นคน ตอนนี้เหลือไม่เกิน 5 หมื่น หนีบ้าง เจ็บบ้าง ตายบ้าง กำลังพลที่มีอยู่ในมือตอนนี้ หมดแล้วก็หมดเลย ไม่มีใครสนับสนุน ไม่มีใครช่วย ประชาชนทุกระดับไม่มีจิตใจที่จะช่วยพม่าอยู่แล้วทุกวันนี้
“การสู้รบครั้งนี้ครั้งสุดท้ายในชีวิตผม ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เราต้องชนะ”ผู้นำทหาร KNPP กล่าว และว่า “ทหารพม่าน่าจะหมดแรงแล้ว ถ้าสิ่งที่อยู่ในมือหมดก็หมดเลย จะไปเกณฑ์ทหารใหม่ที่ไหน นอกจากว่าจะไปเอาคนจากชาติอื่นมาสู้รบกับเรา”
(อ่านสัมภาษณ์พิเศษนายพลบีทู https://transbordernews.in.th/home/?p=30125 )
ขณะที่ชาวคะเรนนีหรือกะเหรี่ยงแดงรายหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐคะเรนนี และต้องหลบหนีออกจากพื้นที่หลังจากกองทัพพม่าโจมตีเมืองลอยก่ออย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตนและครอบครัวต้องหลบหนีไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของรัฐฉาน เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัยนับตั้งแต่เมืองลอยก่อถูกทิ้งระเบิด
“ชาวบ้านนับหมื่นคนต้องหนีออกจากเมืองลอยก่อ และกระจัดกระจายกันไปหลบซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ มีจำนวนมากที่ไปอยู่กับญาติพี่น้องตามหมู่บ้านในรัฐฉาน บางคนจะเข้าไปเมืองตองยี(เมืองสำคัญของรัฐฉาน) แต่ก็ถูกทหารพม่าสกัดกั้น ไม่ยอมให้เข้าเมือง” ชาวบ้านรายนี้ กล่าว
ชาวบ้านหนีภัยการสู้รบรายนี้กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่หนีภัยกำลังลำบากเนื่องจากในตอนกลางคืนอากาศในรัฐฉานหนาวเย็น แต่ผู้หนีภัยจำนวนมากไม่ได้มีเสื้อกันหนาวหรือผ้าห่มไปด้วยเพราะกะทันหัน อย่างไรก็ตามก็ยังดีกว่าอยู่ในเมืองรอยก่อในตอนนี้เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า แม้จะเป็นห่วงบ้าน
“ที่เราเป็นห่วงคือเรามีเด็กและคนแก่มาด้วย หากพวกเขาป่วยเราจะไปรักษาที่ไหน ตอนนี้ในบางพื้นที่มีคนอยู่นับหมื่น อาศัยศาลาวัดซึ่งพระท่านก็ช่วยเหลือ ตอนนี้เรื่องอาหารการกินแม้จะมีน้อยแต่ก็ยังพอแบ่งปันและหาซื้อได้อยู่ แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์สู้รบลากยาวออกไป พวกเราลำบากแน่” ชาวบ้านผู้หนีภัย กล่าว
ชาวคะเรนนีอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้เมืองรอยก่อเหมือนกับเมืองร้าง เนื่องจากประชาชนค่อนเมืองอพยพหนีภัยไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆโดยเฉพะในเขตรัฐฉาน คาดว่าขณะนี้มีชาวคะเรนนีกว่า 1 แสนคนกลายเป็นผู้หนีภัย ทั้งนี้โรงเรียนและสถานที่ราชการในเมืองลอยก่อได้ปิดตัวหลังจากการถูกโจมตี ทั้งนี้ทหารพม่าได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและตัดไฟ ล่าสุดยังห้ามขายน้ำมันเพราะเกรงว่าจะนำไปปั่นไฟฟ้าและชาร์ตแบตโทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลภายนอก
ขณะที่เพจ Kantarawaddy Times รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม โบสถ์คริสต์คาทอลิกในชุมชนดออุคูที่อยู่ในเมืองลอยก่อได้รับความเสียหาย เนื่องจากทหารพม่าได้ทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน ทำให้ศาสนสถาน 7 แห่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยระเบิดและปืนใหญ่ โดยศาสนสถานทั้ง 7 แห่งดังกล่าวอยู่ในเมืองแผ่โข่ง ดีมอโซ ดองั่งคา ผยู่โซ กะยานต่าหย่า สั่งปยะเช่ามาย และดออุคูในเมืองลอยก่อ