เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 สำนักข่าว Mizzima รายงานว่า การสู้รบกันระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ร่วมกับกองกำลังป้องกันประชาชน (PDF) ดำเนินมากว่าหนึ่งเดือน โดยมีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบเกือบ 50,000 คน ทั้งนี้นายซอนันดาซู โฆษกกลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยง (Karen Human Rights Group – KHRG) กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยการสู้รบเกือบ 50,000 คนอาศัยอยู่ใน 4 เขตของกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ได้แก่ กองพลที่ 1 เขตตะโถ่ง กองพลที่ 3 เขตหย่องเลบิน กองพลที่ 5 เขตมือตรอ และกองพลที่ 6 ในเขตดูปลายา และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้นในกองพลที่ 6 โดยผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ได้หนีไปตามริมฝั่งแม่น้ำเมยที่ชายแดนไทย-พม่า
โฆษก KHRG กล่าวว่า แม้กลุ่มภาคประชาสังคมกะเหรี่ยงจะสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ที่หลบหนีข้ามพรมแดนได้ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ที่หลบหนีทางฝั่งเมืองกอกะเร็กได้ เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปลอดภัย ผู้ที่ยังคงอยู่ที่นั่นยังคงไร้ความช่วยเหลือ
ปัจจุบัน ประชาชนราว 3,000 – 5,000 คนได้หลบหนีไปยังชายแดนไทยเนื่องจากการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยงและประเทศไทยกำลังให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัย แต่แหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่าผู้ลี้ภัยยังคงต้องการความช่วยเหลือสำหรับการข้ามพรมแดน
“สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยในรัฐกะเหรี่ยงคือถ้าการโจมตีทางอากาศยังไม่หยุด อย่าว่าแต่จะได้กลับบ้านเลย อาจจะมีผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นอีก ใครก็ไม่ปลอดภัย เพราะความปลอดภัยในหมู่บ้านชนบทพังราบ ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกกดขี่มาโดยตลอดไม่เคยได้ยินคำพูดของรัฐบาลทหาร และไม่มีความไว้วางใจในการตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะต่างแผ่นดินกัน” โฆษกกลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยง กล่าว
ในวันเดียวกันสำนักข่าว DVB (Democratic Voice of Burma) รายงานว่า ทหารพม่ากำลังปิดกั้นการอพยพของผู้ลี้ภัยจากการต่อสู้ในรัฐคะเรนนี โดยผู้ลี้ภัยในท้องถิ่นบอกว่า “ทหารพม่าได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้คนออกจากพื้นที่และมีคำสั่งไม่ให้รับผู้ลี้ภัยในเมืองที่ผู้ลี้ภัยจะไป”
ทั้งนี้การต่อสู้ระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังพิทักษ์ตนเองแห่งชาติคะเรนนี (KNDF) และกองกำลังป้องกันประชาชน (PDF) ในรัฐคะเรนนีเริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมโดยทหารพม่าได้โจมตีด้วยอาวุธหลายชนิด ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ การโจมตีทางอากาศโดยทหารพม่ายังทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายพันคนต้องลี้ภัยสงคราม
ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งกล่าวว่า “ทหารพม่าต้องการใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์เพราะพวกเขารู้ว่ากองกำลังป้องกันประชาชนมีความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชน การสู้รบไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกองกำลังป้องกัน แต่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนของผู้คน สิ่งของมีค่าอื่น ๆ ในบ้าน ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ถูกขโมยไป”
ปัจจุบันจำนวนค่ายผู้ลี้ภัยไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากเพราะการอพยพอย่างเร่งด่วนและการขาดแคลนอาหาร ทั้งนี้เดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย 30 ราย รวมถึงผู้สูงอายุและเด็กผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตจากการโจมตีของทหารพม่า
ในวันเดียวกันสภาเพื่อการฟื้นฟูรัฐฉาน (RCSS) ออกแถลงการณ์ ถึงผลการประชุม ครั้งที่ 22 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 มกราคม 2465 ของคณะที่ปรึกษา- คณะกรรมการกลาง และเจ้าหน้าที่ของ RCSS รวม 245 คน และการประชุมของสภา RCSS ครั้งที่ 3 วันที่ 16-17 มกราคม ที่กองบัญชาการดอยไตแลง รัฐฉาน ตรง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน โดยที่ประชุมมีมติเลือกพล.อ.ยอดศึก เป็นประธานสภาเพื่อการฟื้นฟูรัฐฉาน ต่ออีก 1 วาระ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการบริหารกลางชุดใหม่ โดยมีวาระการบริหารงาน 4 ปี
แถลงการณ์ระบุว่า นโยบายของกรรมการชุดใหม่คือร่างรัฐธรรมนูญของรัฐฉาน ให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน และให้เป็นไปตามขั้นตอนของรัฐบาลกลางรัฐฉาน ซึ่งจะได้จัดให้มีการประชุมระดับชาติอีกไม่นานนี้
ทั้งนี้ RCSS เห็นด้วยกับการเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในพม่าของสหประชาชาติ อาเซียน และนานาชาติ และพร้อมจะให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกัน RCSS จะแก้ปัญหาหารขัดแย้งและจะหยุดการใช้อาวุธกับกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มอย่างสันติ โดยเชื่อว่า ปัญหาในพม่าจะสามารถแก้ไขได้หากเปลี่ยนการปกครองเป็น ”สหพันธรัฐ” ได้อย่างแท้จริง