ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขบวนการลักลอบตัดไม้สักริมแม่น้ำสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังเฟื่องฟูและทำกันอย่างเอิกเกริกมาก โดยมีการผูกแพซุงล่องตามแม่น้ำไปออกประเทศพม่ากันทุกคืน ขณะที่หน่วยงานราชการของไทย ไม่ว่าจะเป็น อุทยานฯ ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง แทบไม่ทำอะไรเลย เพราะมัวแต่เกี่ยงกัน เลยไม่มีเจ้าภาพ
ข้อมูลนี้ผมได้ยินได้ฟังมาจากชาวบ้านริมแม่น้ำสาละวิน ซึ่งกำลังอึดอัดใจมาก เนื่องจากขบวนการลักลอบตัดไม้ครั้งนี้ ทำกันในป่าใกล้หมู่บ้านในรูปแบบกองทัพมด แตกต่างจากการลักลอบตัดไม้สาละวินครั้งใหญ่ที่เป็นข่าวเกรียวกราวทั่วประเทศเมื่อปี 2538-2539 ซึ่งครั้งนั้น นายทุนใหญ่เป็นผู้ลงมือเอง แต่ครั้งนี้นายทุนได้ปรับรูปแบบใหม่ โดยว่าจ้างชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านเป็นนายหน้า ซึ่งมีหน้าที่หาแรงงานและเมียงมองป่าสักที่เป็นเป้าหมาย
“เขามักว่าจ้างชาวบ้านที่อาศัยในศูนย์อพยพให้มาทำงาน เพราะคนเหล่านี้ไม่มีตัวตนที่แน่นอน พวกผมรู้สึกอึดอัดมาก จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกับนายทุนลักลอบตัดไม้หรือไม่ เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าชาวบ้านคนไหนไปรับจ้างบ้าง แต่เราทำอะไรไม่ได้
“เดี๋ยวนี้เขาถึงขนาดไปนอนค้างกันในป่ากันเลย ไม่ต้องกลับมานอนหมู่บ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตป่าสงวน เพราะมั่นใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจจับ พวกเราต้องทนเห็นป่าสักที่ช่วยกันดูแลถูกทำลายไปเรื่อยๆ อีกไม่นานไม้สักฝั่งไทยคงเหี้ยนป่า” ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งมีบ้านติดแม่น้ำสาละวิน เล่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
แม่น้ำสาละวินยาวกว่า 2,800 กิโลเมตร ไหลจากที่ราบสูงทิเบตผ่านพม่าเข้าสู่รัฐกะเหรี่ยงในทิศใต้ ก่อนเลาะชายแดนไทยเพียงระยะสั้นๆ ราว 128 กิโลเมตร แต่เป็นช่วงที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติมาก ทั้งป่าไม้และแร่ธาตุ ทำให้มีความพยายามจาก“นักล่า”ทั้งเอกชนและรัฐบาลหลากหลายสัญชาติที่จะเข้าไปตักตวงผลประโยชน์ ล่าสุดในวันที่ 18-20 ธันวาคมนี้ กฟผ.อินเตอร์ได้ “งุบงิบ”เตรียมเปิดเวที “การมีส่วนร่วม”เพื่อเดินหน้าสร้างเขื่อนฮัตจีซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย 47 กิโลเมตร ทั้งๆที่ชาวบ้านต่อต้านอย่างหนัก แต่การฉวยโอกาสก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
ชาวบ้านเชื่อว่า การลักลอบตัดไม้ในยุคนี้เกิดขึ้นบนฝั่งไทยแน่นอน เพราะไม้จากฝั่งพม่าเหลือน้อยเต็มที่ ขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังเคเอ็นยูซึ่งมีนโยบายดูแลรักษาป่าไม้ นอกจากนี้ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตว่า การลักลอบตัดไม้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างบ้านแม่สามแลบ ไปถึงบ้านสบเมย ในอำเภอแม่สะเรียง ซึ่งมีระยะทางไม่ไกลนัก ทำให้สามารถชักรอกนำไม้บนฝั่งล่องลงตามลำน้ำสาละวินเข้าเขตพม่าได้ภายในคืนเดียว
ขณะเดียวกันชาวบ้านก็รู้สึกหวั่นใจว่า การลักลอบตัดไม้ที่ทำกันเป็นขบวนการใหญ่ครั้งนี้จะเป็นข้ออ้างอันชอบธรรมให้ทางการไทยใช้เป็นเหตุผลในการขยายพื้นที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน และจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในลุ่มน้ำสาละวินที่อยู่กันมานานเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งที่ผ่านมาหากหน่วยงานราชการในพื้นที่ทำงานในเชิงรุกด้วยการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชน ย่อมไม่เกิดสถานการณ์เช่นนี้
“ตอนนี้พวกที่ตัดไม้ยิงกันเองตายไปหลายศพแล้ว เพราะมีการลักลอบตัดไม้ข้ามเขตกัน บางคนไม่รู้มาจากที่ไหนเข้ามาตัดไม้ข้างหมู่บ้านของเขา ก็เลยเกิดการยิงกัน ผมเชื่อว่าสถานการณ์เหล่านี้ คนของทางการไทยเองก็รับรู้ แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร ยิ่งบ้านเมืองอยู่ในช่วงยุ่งเหยิง ยิ่งทำให้ขบวนการลักลอบตัดไม้ใช้เป็นจังหวะขยายงานเพิ่มขึ้น” ชาวบ้าน กล่าว
/////////////////////
หมายเหตุ-ภาพประกอบ เป็นแพซุงไม้สักที่กองทัพมดขนล่องตามลำน้ำสาละวินเข้าพม่าทุกค่ำคืน
โดย ภาสกร จำลองราช