
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานวานนี้ (14 ธันวาคม 2565) ว่าฝ่ายกองทัพพม่าปฏิเสธที่จะจัดประชุมและพบกับ 7 กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ โดยกลุ่มติดอาวุธทั้งหมด เป็นกลุ่มที่เคยลงนามหยุดหยิงทั่วประเทศ (NCA)กับกองทัพพม่า ก่อนหน้านี้กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ได้ตัดสินใจที่จะไปพบปะเจรจาสันติภาพกับพลเอกมิน อ่อง หลายและคณะมาแล้ว ขณะที่กองทัพพม่าระบุว่า เหตุที่ระงับการประชุมไว้ก่อน เนื่องจากวิกฤติการเมืองและสถานการณ์ที่ไม่ปกติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ
สำนักข่าว Irrawaddy ระบุว่า ได้เห็นจดหมายที่ทั้ง 7 กลุ่มชาติพันธุ์ได้ยื่นต่อกองทัพพม่า ซึ่งเนื้อหาในจดหมายระบุว่า ทางกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อสร้างสันติภาพที่ถาวร และเสนอให้มีการประชุมแบบไม่เป็นทางการขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยให้มีตัวแทน 2-3 คนจากแต่ละฝ่าย และหลังจากนั้นให้จัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่เมืองตองจี รัฐฉาน หรือเมาะละแหม่ง รัฐมอญในสัปดาห์นี้
ทางด้านขุนโอก่า จาก PNLO ระบุว่า พวกเขาขอให้มีการประชุมเพื่อคลี่คลายวิกฤตในพม่า “เราจำเป็นต้องหารือถึงวิธีการเอาชนะวิกฤตเพื่อหยุดการบาดเจ็บล้มตายรายวันและความเสียหายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ”
ขณะเดียวกัน ตัวแทนสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ซึ่งลงนามกับ NCA แต่สู้รบกับกองทัพพม่ากล่าวว่า ไม่มีแผนที่จะจัดการเจรจากับกองทัพพม่า โดย Padoh Saw Taw Nee จาก KNU กล่าวว่า “กองทัพพม่ากลายเป็นกลุ่มผิดกฎหมายตั้งแต่การรัฐประหาร เราจะกลายเป็นกลุ่มผิดกฎหมาย หากเราเข้าร่วมการเจรจา เราจะเหมือนกับพวกเขาหากเราเข้าร่วม เราจะไม่ทำมัน” ขณะที่ KNU กำลังต่อสู้กับกองทัพพม่าในรัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ เขตพะโค และเขตตะนาวศรี
กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธเหล่านี้ประกอบด้วย สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉานใต้ RCSS/SSA พรรครัฐมอญใหม่ (NMSP) สภาสันติภาพแห่งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU/KNLA Peace Council หรือ KPC) พรรคปลดปล่อยอาระกัน (Arakan Liberation Party -ALP) กองทัพกะเหรี่ยงประชาธิปไตยผู้มีความเมตตา (Democratic Karen Benevolent Army -DKBA) องค์กรปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Liberation Organization – PNLO) และสหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (Lahu Democratic Union – LDU)
ด้านผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งวิเคราะห์ว่า กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ 6 ใน 7 กลุ่มนั้น นอกเหนือจาก RCSS กลุ่มที่เหลือเป็นกลุ่มที่ไร้กำลัง และการเรียกร้องให้มีการประชุมเจรจาก็เพื่อความอยู่รอดของกลุ่มเท่านั้น
“รัฐบาลพม่าปล่อยตัวนักโทษและแสร้งทำเป็นจัดการเจรจาสันติภาพเพียงเพื่อให้อาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศที่เหลือรู้สึกว่า กองทัพนั้นต้องการสันติภาพ” เขากล่าวเสริม



