Search

เครือข่ายลุ่มน้ำอีสานหนุนชาวบ้านต้านโครงการผันน้ำยวม  จี้รัฐบาลใหม่ยกเลิก-จวกอีไอเอร้านลาบไม่ชอบธรรม

ระหว่างวันที่ 9-10 มิถุนายน 2566 ชาวบ้านในนามเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำโขง ได้เดินทางมาศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทจากโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวผันน้ำแม่น้ำยวม ที่จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน โดยชุมชนแรกที่ได้ไปเรียนรู้คือหมู่บ้านแม่งูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโผล่ง และกะเหรี่ยงปกากะญอ โดยบ้านแม่งูด ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ปลายอุโมงค์ส่งน้ำของโครงการผันน้ำยวม 

นายวันชัย ศรีนวล ผู้ใหญ่บ้านแม่งูด กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ. 2490 ชาวบ้านส่วนหนึ่งถูกย้ายเนื่องจากที่ดินถูกท่วมจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา หลังจากเขื่อนสร้างเสร็จ  มีการกักเก็บน้ำ ส่งผลให้ทรายจากแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้านไม่สามารถระบายได้ มีทรายจำนวนมากเข้าสู่ที่นาของชาวบ้าน สะสมเรื่อยมาจนชาวบ้านไม่สามารถทำนาในพื้นที่นาเดิมได้ จึงเปลี่ยนมาทำสวนลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจแทน โดยใช้น้ำจากการเครื่องปั๊มน้ำ ที่ต่อท่อ ลงไปใต้ทราย ลำห้วยแม่งูด ซึ่งเป็นแม่น้ำเดิม 

“หลังจากที่ชาวบ้านทำนาไม่ได้ ต้องไปซื้อข้าวกิน ต้องหาของป่า ถ้ามีโครงการผันน้ำ เรากลัวจะข้ามไปหาของป่าไม่ได้ แถมกลัวว่าน้ำจะท่วมสวนลำไย ทำอะไรไม่ได้เลย ช่วงปีที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้เข้ามาคุยกับผู้นำชุมชมที่วัด แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะมีโครงการผันน้ำ เพียงแต่มาถามเพียงสภาพความเป็นอยู่ของชุมชน แต่กลับพบว่ามีการบรรจุเป็นบทสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้นำชุมชนที่อยู่ในส่วนหนึ่งของ EIA (รายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) อีกทั้งในเนื้อหาของ EIA ระบุว่าจะมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเพียง 3 รายซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ชาวบ้านทุกคนในพื้นที่กว่าร้อยหลังคาเรือนจะได้รับผลกระทบทั้งสิ้น” นายวันชัย กล่าว

ในวันต่อมาเครือข่ายประชาชนปกป้องน้ำโขง ได้เดินทางไปร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับชาวบ้านหมู่บ้านแม่เงา อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยชาวบ้านบ้านแม่เงาเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยงปกากะญอ ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำยวม สถานีสูบน้ำ และอุโมงค์ส่งน้ำ 

โดยนางดาวพระศุกร์ ชาวบ้านแม่เงากล่าวว่า หมู่บ้านแม่เงามีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์ปลา หลากหลาย มีลำน้ำน้อยใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของพันธุ์ปลาลักษณะแตกต่างกันไป  ชาวบ้านแม่เงามีข้อกังวลอย่างมากหากมีการสร้างโครงการผันน้ำ กลัวว่าปลาท้องถิ่นจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ชาวบ้านจะไม่สามารถหาปลากินได้อีก

“ปลาในแม่น้ำเงาปลา มีพื้นที่อยู่อาศัยแตกต่างกัน เพราะปลาบางชนิดที่ไม่สามารถอยู่ในน้ำอื่นได้ ปลาที่ชอบน้ำนิ่งจะอยู่ในวังปลา 

ปลาบางพันธุ์อาศัยอยู่ในน้ำที่ไหลแรงจะอยู่เเก่ง” นางดาวพระศุกร์ กล่าว และว่าชาวบ้านยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับพื้นที่กองดิน-ทิ้งวัสดุจากการขุดเจาะอุโมงค์ลอดผืนป่าและภูเขา ที่มีการแจ้งว่าจะขุดเพื่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ จุดกองดินของโครงการจะห่างจากบ้านของชาวบ้านเพียงแค่ไม่กี่เมตร ขณะนี้ชาวบ้านต่างมีกังวลมาก ว่าจะไม่สามารถใช้ชีวิตในที่เดิมของตัวเองได้อีกต่อไปเนื่องจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

นายศักดิ์ชัย เยมู ชาวบ้าน 1 ใน 3 รายที่ถูกระบุในรายงานอีไอเอ ว่าจะได้รับผลกระทบจากจุดทิ้งกองดิน ในบ้านแม่งูด กล่าวว่า แค่คณะทำงานอีไอเอของกรมชลฯ ชวนชาวบ้านมากินข้าวพูดคุยที่ร้านลาบ เขามาพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่การประชุมหรือชี้แจงข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่มารู้ทีหลังว่าเขาเอารูปและชื่อไปลงรายงานอีไอเอเรียบร้อยแล้ว เราเลยเรียกรายงานนี้ว่า อีไอเอร้านลาบ 

นอกจากนี้ชาวบ้าน จากทั้ง อ.ฮอด และ อ.สบเมย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวผันน้ำยวม ชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และข้อมูลใน EIA หลายจุดก็พบว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งเรื่องประเด็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สอดคล้องกับพื้นที่ การนำชื่อและรูปถ่ายมาประกอบรายงานอีไอเอโดยที่ชาวบ้านไม่รู้ และการรายงานผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่น้อยกว่าความเป็นจริง

ในช่วงท้ายเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำน้ำโขง กว่า 20 คน ได้ร่วมกันอ่านคำประกาศ “คัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล หรือโครงการผันแม่น้ำยวม” โดยนางสาวจันทกานต์ ทวนทอง ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มแม่น้ำโขง กล่าวว่า ในขณะที่รัฐและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องพยายามผลักดันโครงการผันน้ำยวม-สาละวิน โดยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลครบทุกด้าน และไม่ได้สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ตลอดจนการละเลยถึงสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม จนนำมาสู่การลุกขึ้นต่อสู้และปกป้องสิทธิชุมชน 

น.ส.จันทกานต์กล่าวว่า “อีไอเอ (EIA) ร้านลาบ” เป็นคำที่เกิดขึ้นจากการกระทำแอบอ้างโดยไม่ชอบธรรมของการทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการผันน้ำยวม โดยนักวิชาการ ชาวบ้านในพื้นที่โครงการ และนักสิทธิมนุษยชนต่างตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้ขาดการศึกษาผลกระทบอย่างครบถ้วนรอบด้าน ไม่มีการให้ข้อมูลโครงการ และขาดการมีส่วนร่วมของชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับยังไม่หันมาสนใจชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ และยังดำเนินโครงการต่อท่ามกลางเสียงทักท้วงข้อห่วงกังวลของผู้คน ตั้งแต่ปากอุโมงค์ กลางอุโมงค์ ไปจนถึงปลายอุโมงค์ผันน้ำ เราขอเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยฉันทามติจากประชาชนต้องยกเลิกโครงการผันน้ำยวม-สาละวิน

เพื่อปลดปล่อยแม่น้ำให้ไหลเป็นอิสระ พวกเราเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำโขงอีสานและพี่น้องลุ่มน้ำภาคเหนือ จะผนึกกำลังในการต่อสู้คัดค้านกับนโยบายของรัฐที่ไม่เป็นธรรม” น.ส.จันทกานต์ กล่าว

—————–