
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 นายคูอูเหร่ (Khu Ou Reh) ประธานพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี (Karenni Progressive Party -KNPP) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบทางโทรศัพท์ถึงสถานการณ์การสู้รบในรัฐคะเรนนี ซึ่งล่าสุดได้มีชาวคะเรนนีนับพันอพยพหนีข้ามมาหลบภัยยังฝั่งไทยด้าน อ.แม่สะเรียง และ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ขณะนี้ประชาชนจากรัฐคะเรนนีกว่า 3,000 คน จำเป็นต้องหนีภัยความตาย ข้ามฝั่งมายังประเทศไทยโดยเดินทางกันมาแบบตัวเปล่า แทบไม่มีอะไรติดตัวแม้กระทั่งอาหาร เพราะทุกคนต้องเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของทหารพม่า ขณะนี้จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีที่พัก เต็นท์ โดยขอแค่หลังคาคลุมหัวก็พอเพราะมีฝนตกหนักในพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กๆ คนชรา ผู้ป่วย และสตรีมีครรภ์

ประธาน KNPP กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์สู้รบในรัฐคะเรนนีขณะนี้ กองกำลัง KNPP และพันธมิตรได้ปฏิบัติการยึดฐานพม่าแล้ว 3 แห่ง แต่จำเป็นต้องทิ้งไป 1 แห่งในเขตเมือง เนื่องจากกองทัพพม่าพยายามเข้ายึดคืน แต่อีก 2 แห่งที่อยู่ไม่ห่างจากชายแดนนั้น เรายึดได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว แต่ทางกองทัพพม่าก็ยังคงส่งอากาศยานมาบินวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
“ปฎิบัติการครั้งนี้อยู่ที่รัฐคะเรนนี ติดกับชายแดนไทย รวมถึงทางตอนเหนือและทางใต้ของรัฐฉาน โดยเวลานี้ชาวบ้านที่อพยพมารู้สึกเป็นกังวลเพราะมีเจ้าหน้าที่ทางการพม่า ปลอมตัวหนีปะปนเข้ามาด้วย เพราะต้องการสืบข่าว” นายคูอูเหร่ กล่าว และว่าเมื่อเวลา 19.40 น.ในวันเดียวกันนี้ กองทัพพม่าได้ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดบริเวณโกดังสินค้าใกล้ด่านห้วยต้นนุ่น(BP13) ซึ่งตรงข้าม อ.ขุนยวม

ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ได้เผยแพร่เอกสารข่าว โดยระบุว่า ในวันที่ 15 มิถุนายน ยังคงปรากฏข่าวสารการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและกองกำลังชนกลุ่มน้อย/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา บริเวณแนวชายแดนด้านตรงข้ามชองทางเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง และช่องทางห้วยต้นนุ่น ต.แม่เงา อ.ขุนยวม โดยล่าสุดมีผู้หนีภัยข้ามมายังฝั่งไทยแล้ว 3,171 คน โดยพักอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง
ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ระบุด้วยว่า การปฎิบัติที่สำคัญคือ กองกำลังนเรศวรและฝ่ายปกครอง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ขณะที่กองทัพอากาศได้จัดอากาศยานลาดตระเวนรบในพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยจำนวน 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยและให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมกับผู้หนีภัยความไม่สงบ โดยได้มีการเปิดรับสิ่งของบริจาค ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียงและที่ว่าการอำเภอขุนยวมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ด้าน พ.อ.สมภพ ใจบุญ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ชาวบ้านริมแม่น้ำสาละวิน อ.แม่สะเรียง รู้สึกตกใจที่มีเครื่องบินรบบินผ่านน่านฟ้าไทย ว่า ขอให้ประชาชนไม่ต้องตกใจเพราะเครื่องบินดังกล่าวของกองทัพอากาศไทยที่บินบาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อย อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านยังคงเกิดขึ้น และเชื่อว่าจะมีชาวบ้านหนีภัยการสู้รบทยอยเข้ามาหลบภัยในฝั่งไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 13-14 มิถุนายนที่ผ่านมา ชาวบ้านจากรัฐคะเรนนี้ได้หนีภัยการสู้รบเข้ามา โดยกลุ่มแรกเป็นชาวบ้านที่หนีมาจากเมืองลอยก่อ มาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวของผู้พลัดถิ่น (IDPs) ตั้งแต่คราวสู้รบใหญ่ แต่เมื่อเกิดการสู้รบในบริเวณที่หลบภัยอีกจึงหนีข้ามมาฝั่งไทย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นชาวบ้านในท้องถิ่น โดยเมื่อกลุ่มกองกำลังต่างๆที่ต่อต้านกองทัพพม่าร่วมมือกันยึดฐานทหารพม่าใจกลางอำเภอแม่แจะ (Mese) ตรงข้ามบ้านเสาหิน ทำให้ชาวบ้านต้องหนีมาอยู่ฝั่งไทย
นายสันติพงษ์กล่าวว่า เดิมทีชาวคะเรนนีหลบมาพักหลบภัยบริเวณสนามกีฬาบ้านเสาหิน แต่เมื่อฝนตกแฉะจึงย้ายมาอยู่ลานปูนหน้าสถานีตำรวจ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ยังคงวุ่นวาย ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ระดมความช่วยเหลือเฉพาะหน้าไปก่อน เช่น ข้าวสาร ผ้าใบ คาดว่าเฉลี่ยต้องการข้าวสารมื้อละ 20 กระสอบ ขณะนี้มีอาสาสมัครชุมชนช่วยกันดูแล และเรากำลังรับบริจาคเพิ่ม อย่างไรก็ตามล่าสุดทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้เข้าไปประเมินสถานการณ์แล้ว

“ที่รู้สึกกังวลคือมีฝนตกมาโดยตลอด ทำให้เฉอะแฉะมาก เรากลัวในเรื่องโรคมาลาเรีย ผู้หนีภัยครั้งนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเด็กๆ ดังนั้นจึงต้องเร่งจัดระบบ และเปิดพื้นที่ให้คณะบริหารจัดการที่มีทั้งฝ่ายทหาร ปกครอง ภาคประชาชน ที่ผู้ว่าราชการฯแต่งตั้งขึ้น เข้าไปดูแล” นายสันติพงษ์ กล่าว
รัฐคะเรนนี หรือ คะยา, กะยา, กะเหรี่ยงแดง เป็นรัฐชาติพันธุ์ด้านตะวันตกของพม่า มีชายแดนติดประเทศไทยด้าน อ.เมือง อ.ขุนยวม และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มีประชากรประมาณ 3 แสนคน มีแม่น้ำสาละวินไหลผ่าน และภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา หลังเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อต้นปี 2564 เมืองหลักๆ ในรัฐคะเรนนีถูกโจมตีโดยกองทัพพม่า ทั้งการใช้อากาศยาน และอาวุธหนัก ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องทิ้งบ้านเรือน หนีไปหลบซ่อนตามป่าเขา ตั้งเป็นค่ายพักพิงชั่วคราว แต่ก็ถูกกองทัพพม่าโจมตีซ้ำอยู่บ่อยครั้ง
(อ่านบทความเกี่ยวกับรัฐคะเรนนี https://transbordernews.in.th/home/?p=30047 )
—————