วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นายพลบีทู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี (Minister of Defense, Karenni National Progressive Party-KNPP) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบ ถึงกรณีที่ทหารของ KNPP จับมือกับกองกำลังกะเหรี่ยงดาวแดง KNPLF (Karenni Nationalities People’s Liberation Front) กองกำลังดาวขาว (KNSO) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) โจมตีและขับไล่ทหารพม่าออกจากพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐคะเรนนี ว่าที่จริงแล้วทหารคะเรนนีไม่ได้เริ่มต้นก่อน แต่ก่อนหน้านั้นทหารพม่าได้โจมตีและเผาบ้านเรือนของประชาชนในรัฐคะเรนนีมาโดยตลอด ทหารพม่าได้รังแกชาวบ้านดังนั้นทหารคะเรนนีจึงต้องปกป้องและต่อสู้เพื่อประชาชน
นายพลบีทูกล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและอพยพหลบภัยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย เป็นการมาชั่วคราว เมื่อเหตุการณ์สงบก็กลับไปอยู่บ้านเรือน หากกองทัพพม่าไม่โจมตีความสงบก็จะกลับมาเร็ว อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังติดอยู่ในพื้นที่ด้านใน ซึ่งทางทหารคะเรนนีได้ส่งต่อความช่วยเหลือในเบื้องต้นให้แล้ว
“สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันไม่ใช่สงครามระหว่างทหารต่อทหาร แต่เป็นปัญหาร่วมของประชาชนในประเทศที่ต้องช่วยกัน เป็นภารกิจร่วมของชาวคะเรนนีทุกคน” นายพลบีทู กล่าว
ผู้นำทหารของ KNPP กล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้น่าจะทำให้ประชาชนคาเรนนีมีโอกาสได้ปกครองตัวเอง เพราะที่ผ่านมานั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสั่งการของรัฐบาลพม่าทั้งหมด ขณะนี้แม้ว่ากองทัพพม่าพยายามส่งกองกำลังเข้ามาในทางใต้ของคะเรนนีเพิ่มขึ้น แต่ KNPP ก็ได้วางกำลังสกัดไว้ตามจุดต่างๆ แล้ว โดยปัจจุบันประสิทธิภาพทหารของพม่าลดลงมากเพราะกองทัพพม่าไม่สามารถฝึกฝนหรือหาประชาชนมาเป็นทหารเพิ่มได้ จึงต้องไปบังคับเอาพลเรือนชาติพันธุ์ต่างๆ มาเป็นทหาร
ขณะที่กองกำลังกะเหรี่ยงดาวแดง KNPLF ได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาสำคัญว่า ประชาชนผู้ถูกกดขี่จากทุกเชื้อชาติ สหายจากภูเขาและที่ราบ ผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับกลุ่มทหารก่อการร้าย (กองทัพพม่า) พวกเรากองกำลังคะเรนนี KNPLF หรือ กาลาลาตา ได้ปฏิบัติการโจมตีเผด็จการทหารพม่าแล้ว และขอประกาศอย่างเป็นทางการ เราตั้งอยู่ในรัฐคะเรนนี ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน (บีพี 14) ที่แม่เจ๊ะ (Mesa) ประวัติศาสตร์บทใหม่ของเราได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการด้วยการโจมตีฐานของกองทัพพม่าเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ร่วมกับกองกำลังต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อยุติเผด็จการทหารพม่าและรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2008 โดยขณะนี้เราได้สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน กับองค์กรปฏิวัติจากทั่วภูเขาและที่ราบ ความสามัคคี เราพร้อมทั้งกายและใจในการสร้างพันธมิตรทีละขั้น เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าหากกองกำลังปฏิวัติทั้งหมดรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและทำงานร่วมกันแล้ว เราจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเป็นจริง
“เมื่อรัฐบาลทหารและรัฐธรรมนูญ 2008 สามารถทำลายล้างประชาธิปไตยที่เราทุกคนปรารถนาได้ พื้นฐานที่ดีในการสร้างสหภาพสหพันธรัฐที่แท้จริง ด้วยความเสมอภาค และประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตนเอง องค์กรของเราก่อตั้งขึ้นในปี 1978 โดยพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี (KNPP) แต่เนื่องจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เราก็ตัดสินใจแยกออกมาเป็นกองกำลังคะเรนนี KNPLF และยังคงเป็นอิสระมาจนถึงทุกวันนี้”แถลงการณ์ระบุ
“องค์กรของเราได้มีการหยุดยิงเกือบ 30 ปี บางส่วนของเราได้เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF จนกระทั่งถึงวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ เรากลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งในฐานะกองกำลังต่อต้านเผด็จการพม่า เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับองค์กรแห่งประวัติศาสตร์และเกียรติยศ สู่จุดยืนและนโยบายเดิมยึดมั่นในคำขวัญซึ่งเปรียบเสมือนจิตวิญญาณคือ เรารับใช้ประชาชน เราขอสัญญาอย่างจริงจังอีกครั้งว่า เราจะนำคืนผลประโยชน์ของผู้ถูกกดขี่จากทุกเชื้อชาติตลอดไป เราพร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ National Unity Government (NUG) และร่วมกันดำเนินงานด้านการปฏิวัติ” แถลงการณ์ ระบุ
(อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ที่ https://transbordernews.in.th/home/?p=34441
ทั้งนี้แถลงการณ์ของกองกำลังกะเหรี่ยงดาวแดงครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีการเปิดตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้นำ KNPLF ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวและไม่เป็นที่รู้จักของชาวคะเรนนี
ขณะที่การสู้รบในรัฐคะเรนนียังเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยกองทัพพม่าได้ใช้เครื่องบินรบถล่มชุมชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน โดยเพจประเสริฐ ประดิษฐ์ ของประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้โพสข้อความว่า วันนี้ 1 กรกฎาคม 2566 ขอบคุณพี่น้องชาวห้วยเดื่อ วันนี้ท่านทั้งหลายมาบริจาคข้าวของให้ผู้ทุกข์ยากที่หนีภัยการสู้รบมาพักอาศัยอยู่ที่ชายแดน บ้านน้ำเพียงดิน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณเกือบ 200 คน ซึ่งเป็นหมู่บ้านในรัฐคะเรนนีที่เป็นเครือข่ายทางวัฒนธรรม ได้แก่ บ้านใหม่สาละวิน (หยั่วติ๊ด) บ้านปละ บ้านโหถา ซึ่งถูกกองทัพพม่าใช้เครื่องบินรบถล่มชุมชน มีผู้เสียชีวิต 4 คน รอบก่อน 3 คน ชาวห้วยเดื่อได้แสดงน้ำใจห่วงใยพ่อแม่พี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง ด้วยสิ่งของประมาณ 3 คันรถ ช่วงนี้ผู้อพยพยังกลับบ้านไม่ได้ มีเครื่องบินรบมาก่อกวนทุกวัน สู้ทหารป่าไม่ได้ก็ทำลายพลเรือนตามแบบฉบับของพม่า
