เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า กรณีที่ทางการไทยส่งกลับเด็กนักเรียนไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎร์จำนวน 126 คนจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กลับประเทศพม่า ซึ่งขณะนี้เด็กถูกส่งกลับเกือบหมด เหลือเพียง 4-5 คนที่ยังติดต่อพ่อแม่ไม่ได้ เนื่องจากพ่อแม่เป็นผู้หนีภัยการสู้รบอยู่ในฝั่งพม่า ซึ่งทางกรมกิจการเด็กและเยาวชน(ดย.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ไม่ยินยอมให้ญาติที่เป็นผู้ปกครองมารับตัวแทนและกำลังใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอ
ทั้งในที่ประชุมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ที่มีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) เป็นประธานได้ระบุในที่ประชุมว่า หากเด็กๆกลุ่มนี้ต้องกลับมาเรียนในประเทศไทยอีก ให้หน่วยงานต่างๆช่วยกันประสานเพื่อให้เด็กเข้ามาอย่างถูกต้อง และหาโรงเรียนให้เรียน
อย่างไรก็ตามล่าสุดผู้สื่อข่าวได้คุยกับเด็กหลายคนที่ถูกส่งตัวกลับพม่าไปแล้ว โดยเด็กบางคนเล่าว่า ตอนนี้ต้องอยู่กับบ้านเฉยๆและรู้สึกเสียใจที่ต้องออกเรียนกลางคัน โดยอยากกลับมาเรียนฝั่งไทย แต่ยังไม่มีหน่วยงานราชการไทยมาสอบถาม และฐานะทางบ้านยากจน จึงไม่สามารถเดินทางข้ามแดนมาเรียนแบบไปเช้า-เย็นกลับได้ อยากเรียนในลักษณะเดียวกับที่เคยอยู่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 คืออยู่ประจำ มีที่นอนและอาหาร
“หนูอยากเรียนฝั่งไทยเพราะอยากพูดและอ่านภาษาไทยให้คล่อง ทุกวันนี้หนูกับน้องก็ดูทีวีไทย รู้สึกว่าประเทศไทยดี หนูอยากเรียนสูงๆเพื่อที่จะได้หาเงินเลี้ยงดูพ่อแม่”เด็กผู้หญิงรายหนึ่ง กล่าว และว่า เธอและน้องไปเรียนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 มาแล้ว 2 ปีโดยได้รหัส G เรียบร้อยแล้ว จึงอยากกลับมาเรียนที่โรงเรียนในไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากเด็กนักเรียนทั้ง 126 คนที่ต้องออกเรียนกลางคันและถูกส่งกลับฝั่งพม่าแล้ว ยังพบว่ามีเด็กๆอีกหลายคนที่กำลังเรียนประสบปัญหา เช่น กรณีของ ด.ญ..แหม่ม(นามสมมุติ) และ ด.ญ.เจี๊ยบ(นามสมมุติ) ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่เชียงราย โดย ด.ญ.แหม่ม มาเรียนชั้น ป.6 ที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ ด.ญ.แหม่ม เรียนอยู่ชั้น ม.1 ของโรงเรียนบางเสด็จวิทยาคม อ.ป่าโมก ขณะที่ ด.ญ.เจี๊ยบ เพิ่งมาเรียน ม.1 ในปีนี้ ที่โรงเรียนเดียวกัน แต่เมื่อเกิดเรื่องและต้องส่งเด็ก 126 กลับประเทศพม่า ทำให้มีเจ้าหน้าที่เด็กเข้าไปหา ด.ญ.แหม่มและ ด.ญ.เจี๊ยบ เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ และพูดในทำนองว่า ด.ญ.แหม่มอาจต้องถูกส่งตัวกลับเช่นเดียวกัน ทำให้เด็กทั้งสองคนตกอยู่ในอาการเครียดเพราะกลัวถูกส่งกลับและต้องออกจากระบบการศึกษากลางคัน นอกจากนี้ยังมี เด็กอีกคนหนึ่งซึ่งพ่อแม่เป็นแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชาในอ่างทองและมาเรียนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 ที่ต้องออกเรียนกลางคันเช่นเดียวกับเด็ก 126 คนและหลุดจากระบบการศึกษาไป
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ ครูแดง กรรมการที่ปรึกษามูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย ได้ นำทีมนักสิทธิมนุษยชน พชภ. ลงพื้นที่พบกับผู้ปกครองของเด็ก 1 ใน 126 คนที่บ้านอาแบ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อติดตามสอบถาม สายเครือญาติ และความพร้อมในการรับตัวเด็กกลับมาเรียน
ทั้งนี้ผู้ปกครองเด็ก 1 ใน 126 คนที่ถูกส่งกลับเปิดเผยว่า ตนได้ให้หลานเรียนที่ โรงเรียน ราษฎร์พัฒนาตั้งแต่ชั้นป.1 โดยแม่ของเด็กได้นำมาฝากไว้กับตนซึ่งเป็นยาย เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหลานได้ขอ ติดตามเพื่อนไปเรียนที่ จ.อ่างทอง ตนเห็นว่าไปกันหลายคน และตัวเด็กอยากไป จึงปล่อยให้หลานไป แม้ในใจจะรู้สึกกังวล เพราะอยู่ไกลมาก จนกระทั่งได้รับการติดต่อว่าจะถูกส่งกลับฝั่งพม่า ทำให้รู้สึกเห็นห่วงมาก
นอกจากนี้ครูแดงและทีมได้ลงเยี่ยม โรงเรียนราษฎร์พัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนเดิมที่เด็กบางส่วนใน 126 คนเคยเรียนอยู่และมีรหัส G โดยครูรายหนึ่งกล่าวว่า เด็กๆจำนวนหนึ่งเป็นเด็กจากฝั่งพม่าที่ติดตามพ่อแม่มาทำสวนชา สวนกาแฟ และรีสอร์ทต่าง ๆ บนดอยแม่สลอง โดยบางส่วนมีญาติอยู่ฝั่งไทย และอยากให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดีกว่า ด้วยความเป็นครูที่หวังให้เด็ก ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี
“หลังจากเกิดเรื่องที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 ทำให้ครูและบุคลากร โรงเรียนราษฎร์พัฒนาบางส่วนถูกสอบสวนข้อเท็จจริง ฐานมีส่วนร่วมกระทำความผิด โดยระบุข้อหาว่าเป็นผู้ติดต่อและให้ที่พักพิงแก่บุคลากรโรงเรียนไทยรัฐวิทยาในการรับเด็กสัญชาติพม่าเดินทางเข้ามาเรียน โดยไม่มีหลักฐานการเข้าเมืองตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลเสียหายต่องบประมาณของ สพฐ.ในปี พ.ศ. 2566 ได้แก่ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าเสื้อผ้านักเรียน ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และค่าอุปกรณ์การเรียน”ครูรายนี้ กล่าว
นางเตือนใจให้ภาษณ์ว่า ข้อเท็จจริงทราบว่ามีเด็ก 58 คน จากทั้งหมดที่ถูกส่งกลับมีรหัส G และเคยเรียนอยู่ในประเทศไทย ดังนั้นควรมีวิธีการอื่นมากกว่าการผลักให้ออกนอกประเทศ ซึ่งเราไม่ทราบว่า จะติดตามหลังการส่งกลับเด็กแต่ละคนได้หรือไม่ และตัวผู้อำนวยการโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 ก็ไม่ควรได้รับโทษดำเนินคดีในความผิดจากการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กๆ ซึ่งเป็นการสร้างอนาคตที่ดีให้แก่สังคมไทย
“การไม่มีอะไรยืนยันว่าเด็กที่กลับประเทศพม่าแล้วจะสามารถกลับมาเรียนได้หรือไม่ กระบวนการในการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ อาจยุ่งยากและซับซ้อน ในท้ายที่สุดหากเด็กไม่ได้กลับมาเรียนส่งผลให้ เด็กเสียสิทธิในการได้รับโอกาสการศึกษา”ครูแดง กล่าว