เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า การประชุมร่วมกันครั้งแรกร่วมกับรัฐมนตรีของรัฐบาลทหารพม่าเมื่อต้นสัปดาห์ หลังจากมีการปรับคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา พล.อ.มินอ่องหลาย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่ากล่าวยอมรับในที่ประชุมว่า การจัดการเลือกตั้งต้องเลื่อนและล่าช้าออกไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยกล่าวโทษว่าเป็นเพราะกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ รวมไปถึงกองทัพเพื่อประชาชน PDF นอกจากนี้ในที่ประชุมยังระบุว่า ต้องเร่งฟื้นฟูเสถียรภาพ กฎหมายและความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในประเทศอีกครั้ง ก่อนหน้านี้คณะของพลเอกมินอ่องหลายวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งภายในเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ พล.อ.มินอ่องหลายยังกล่าวในที่ประชุมถึงการเคลื่อนไหวต่อต้านต่อเขาและกองทัพว่า เป็นการขัดขวางไม่ให้ประเทศและประชาชนพัฒนา และทำให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยลำดับเวลาจะจัดการเลือกตั้งเมื่อไหร่ นอกจากนี้ผู้นำรัฐบาลทหารพม่ายังยอมรับอีกครั้งว่า กองทัพของเขาไม่สามารถควบคุมประเทศได้ทั้งหมด และกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมในพื้นที่ในรัฐคะเรนนี รัฐกะเหรี่ยง เขตสะกาย เขตมะกวย เขตพะโค เขตตะนาวศรี รัฐชิน เช่นเดียวกับในรัฐมอญ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวต่อต้านของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆและกองทัพเพื่อประชาชน PDF
ทั้งนี้มีรายงานว่าเกือบ 50 เมืองในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ เขตสะกาย และเขตมะกวย รวมถึงรัฐชินและรัฐระเคนนียังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ขณะที่รัฐธรรมนูญของประเทศระบุว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินสามารถใช้ได้ไม่เกินสองปีครึ่ง อย่างไรก็ตามกองทัพพม่าได้ขยายประกาศภาวะกฎฉุกเฉินเกิน 2 ครั้ง และเกินเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด ขณะที่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า พล.อ.มินอ่องหลายจะรักษาอำนาจไว้โดยใช้ ความไม่แน่นอนเป็นข้ออ้างต่อไป
ด้านรัฐบาลพลัดถิ่น Nation Unity Government (NUG) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2566 นั้น มีทหารพม่าต้องสูญเสีย 3,012 นาย และบาดเจ็บอีก 4,021 นาย จากการปะทะกับทาง PDF และกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ซึ่งเป็นพันธมิตร โดยมีการปะทะกัน 935 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ต่างๆเช่นรัฐคะเรนนี เขตสะกาย และพื้นที่อื่นๆ ซึ่งฝ่ายต่อต้านกองทัพพม่านั้นสามารถยึดสถานีตำรวจได้ 15 แห่ง ฐานที่มั่น 10 แห่งของกองทัพรักษาชายแดน (Border Guard Force) และฐานที่มั่นอีก 14 แห่งของกลุ่มผิ่วซอตี ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาวบ้านฝ่ายกองทัพพม่า โดยฝ่ายต่อต้านนั้นได้ใช้โดรนบังคับโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพพม่าถึง 255 ครั้งและมีแผนจะโจมตีฝ่ายกองทัพพม่าหนักขึ้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า กองทัพพม่านั้นได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือนและฝ่ายต่อต้านถึง 338 ครั้งเช่นเดียวกัน สื่อพม่าอ้างว่า กองทัพพม่านั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะต้องรับศึกรอบด้าน รวมทั้งจะต้องรบกับอีกหลายกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในรัฐฉานและรัฐคะฉิ่นเพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กองทัพพม่าพยายามขยายและยึดพื้นที่ควบคุมใน 2 รัฐนี้