Search

อัพเดทสถานการณ์สู้รบในรัฐคะฉิ่น เมื่อฝ่ายต่อต้านประชิดเมืองหลวง

โดย Oh Ra Ra

การสู้รบในรัฐคะฉิ่น ภาคเหนือของพม่า ฝ่ายต่อต้านรุกคืบเข้าใกล้เมืองหลวง “มิตจีนา” มากขึ้นเรื่อยๆ หลังกองทัพเอกราชคะฉิ่น หรือ KIA (Kachin Independence Army) นำกำลังบุกยึดค่ายทหารพม่าหน่วยที่ 321 ในเมืองไวง์มอ (Wine Maw Township) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมิตจีนาราว 20 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2024 ทำให้กองทัพพม่าระดมกำลังเครื่องบินรบและยิงจรวดหลายลำกล้องตอบโต้ KIA อย่างต่อเนื่องจนถึงปลายเดือนพฤษภาฯ

แหล่งข่าวในพื้นที่เปิดเผยว่าจรวดของกองทัพพม่าที่ยิงตอบโต้ KIA ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย ชาวเมืองนับหมื่นคนในเมืองไวง์มอจึงอพยพหนีภัยไปยังเมืองมิตจีนาท่ามกลางเสียงระเบิดและเสียงปืนที่ดังต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางคืน

นักวิเคราะห์การเมืองบางส่วนจับตามองการต่อสู้ระหว่างกองทัพ KIA และกองทัพพม่า อีกทั้งไม่ได้มีแต่ KIA เพียงกลุ่มเดียวที่เปิดศึกกับทหารพม่า แต่ยังรวมถึงกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ในสังกัดรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government) ซึ่งถูกกองทัพพม่ารัฐประหารในปี 2021, กองกำลังป้องกันแห่งชาติคะเรนนี (KPDF) และกองทัพอาระกัน (AA) ที่ยกระดับการต่อสู้กับกองทัพของรัฐบาลทหารพม่าอย่างดุเดือดในช่วงที่ผ่านมา

หากย้อนไปพบว่าปฏิบัติการจู่โจมแบบฉับพลันของ KIA และแนวร่วม เปิดฉากขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม 2024 ทั้งยังเป็นการโจมตีครั้งใหญ่สุดที่นำโดย KIA ในรอบหลายปี ทำให้เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่าปฏิบัติการ 7 มีนาฯ ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมาก เพราะ KIA สามารถทวงคืนค่าย Na Hpaw อดีตฐานที่มั่นของ KIA ซึ่งกองทัพพม่ายึดไปได้เมื่อปี 1987 และสามารถยึดค่ายทหารพม่าเพิ่มเติมได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงกองพันทหารราบ 142 ที่เป็นหน่วยรบสำคัญของกองทัพพม่า

ตลอดระยะเวลากว่า 80 วันหลังปฏิบัติการ 7 มีนาฯ กองทัพ KIA และแนวร่วม บุกยึดค่ายทหารพม่าได้ราว 100 แห่งใน 18 เมืองทั่วรัฐคะฉิ่น มีทหารพม่ายอมแพ้และมอบตัวราว 300 นาย แต่ยังเหลืออีก 10 เมืองที่มีการสู้รบดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ฐานบัญชาการกลางของกองทัพพม่าในรัฐคะฉิ่นซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมิตจีนากำลังถูกกองทัพ KIA รุกคืบเข้าใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดที่มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง KIA และกองทัพพม่าคือพื้นที่รอบเมืองมิตจีนาและเมืองพะโมซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐคะฉิ่น แต่กองทัพพม่าไม่ได้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์เหมือนเก่า เพราะเส้นทางสายเศรษฐกิจถูก KIA ยึดไว้ได้เกือบทั้งหมด กองทัพพม่าจึงต้องพึ่งพาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทางน้ำแทนการสู้รบทางบก แต่ทั้งสองเส้นทางอาจมีอุปสรรคทางธรรมชาติหนักขึ้น เพราะสภาพอากาศจะทวีความรุนแรงในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูฝน ประกอบกับมีทหารพม่ายอมแพ้และหลบหนีจากค่ายทหารอยู่เรื่อยๆ ปัจจัยทั้งหมดตอกย้ำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่ากองทัพ KIA จะยึดพื้นที่ในรัฐคะฉิ่นได้ทั้งหมดในปีนี้

ขณะที่ประธานองค์กรอิสรภาพคะฉิ่น หรือ KIO ก็ได้ประกาศชัดเจนในวันปฏิวัติคะฉิ่นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2024 ว่า KIA (ซึ่งเป็นปีกทหารของ KIO) จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับประชาชนในเมียนมาจนกว่าจะล้มล้างเผด็จการพม่าได้สำเร็จ แม้กองทัพพม่าจะมีกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เข้มแข็ง แต่ KIA และกองกำลังชาติพันธุ์ทั้งหมดที่ร่วมมือกันจะโจมตีค่ายทหารพม่าต่อไป

ปฏิบัติการยึดพื้นที่ของ KIA ตั้งแต่ 7 มีนาคม – 22 พฤษภาคม 2024

นับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2024 เป็นต้นมา กองทัพพม่าในรัฐคะฉิ่นต้องเจอกับสถานการณ์ที่เปรียบได้กับฝันร้าย เพราะ KIA และแนวร่วมได้จู่โจมแบบฉับพลันหลายจุด โดยพุ่งเป้าไปยังค่ายทหารราบและทหารอากาศ และในที่สุดก็สามารถยึดพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ได้หลายจุด:

1. ค่ายทหาร Hkaya Bum และ Hpunpyen Bum ค่ายทหารที่สำคัญของกองทัพพม่ารอบเมืองหล่ายจ่า (Laiza) ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการของ KIA ค่ายทั้งสองแห่งถูกทหารพม่าใช้เป็นฐานยิงโจมตี KIA มาตลอด จนกระทั่ง KIA บุกยึดได้ก็ไม่เหลือฐานปฏิบัติการของทหารพม่ารอบเมืองหล่ายจ่าอีก

2. ถนนสายโมเมาะ-ลแวแจ (Moe Mawk – Lwoi Gel Road) ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองโมเมาะและเมืองลแวแจ มีค่ายทหารพม่าตั้งอยู่ประมาณ 12 แห่งตลอดระยะทางกว่า 75 กิโลเมตร และกองทัพ KIA บุกยึดค่ายทั้งหมดได้แล้ว ทั้งยังเป็นพื้นที่ติดพรมแดนประเทศจีนแห่งแรกที่ KIA ยึดได้

3. ถนนสายมิตจีนา-ไวง์มอ-โมเมาะ-พะโม เป็นเส้นทางเชื่อมต่อ 4 เมืองในรัฐคะฉิ่น คิดเป็นระยะทางราว 185 กิโลเมตร มีค่ายทหารพม่าตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กองทัพ KIA และแนวร่วมสามารถยึดค่ายได้เกือบทั้งหมดในวันที่ 20 พฤษภาคม 2023 เหลือเพียงค่ายเดียวที่ยังยึดไม่สำเร็จ อยู่ใกล้กับเมืองไวง์มอ

4. ค่ายทหารพม่าในเมืองซูนปะยาบูน (Sum Pra Bum Township) อยู่บนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองมิตจีนาและเมืองปูตาโอ ถูก KIA ยึดได้สำเร็จแล้ว

5. เมืองมานซีและเมืองโมเมาะ (Man Si – Moe Mauk Township) ถูก KIA ยึดพื้นที่ได้แล้วบางส่วน แต่ยังมีหลายจุดที่เป็นสมรภูมิปะทะกับกองทัพพม่าจนถึงปัจจุบัน

6. เมืองพากันต์-เมืองโมกอง (Pha Kant – Moe Gaung Township) เป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกองทัพพม่า เพราะเป็นพื้นที่ขุดเหมืองหยกซึ่งสร้างรายได้ให้กับกองทัพพม่า กองทัพ KIA สามารถยึดพื้นที่ได้แล้วบางส่วน

7. เมืองมิตจีนา-เมืองไวง์มอ (Myitkyina and Wine Maw Township) มีแม่น้ำอิระวดีคั่นกลาง เป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการและค่ายทหารที่สำคัญของกองทัพพม่า และเป็นพื้นที่ต่อสู้ปะทะต่อเนื่องระหว่าง KIA และกองทัพพม่าหลังปฏิบัติการ 7 มีนาฯ ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพลี้ภัย แต่แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่าจรวดและระเบิดจากเครื่องบินรบของกองทัพพม่าที่โจมตี KIA จำนวนมากตกลงในฝั่งประเทศจีน สร้างความเสียหายบริเวณชายแดน

ความเป็นมาของ KIA – KIO

องค์กรอิสรภาพคะฉิ่น หรือ KIO (The Kachin Independence Organization) ก่อตั้งขึ้นในปี 1960 และมีการก่อตั้งปีกทหารขององค์กร คือ กองทัพเอกราชคะฉิ่น หรือ KIA ในปีถัดมา (1961) โดยเป็นกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่นในรัฐคะฉิ่น ทางเหนือของเมียนมา ปัจจุบันมีกำลังพลราว 20,000 นาย ถือเป็นกองกำลังขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ในเมียนมา มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่เมืองหล่ายจ่าซึ่งเป็นพื้นที่บนภูเขาในรัฐคะฉิ่น และมีพรมแดนติดประเทศจีนและอินเดีย

กลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่นคิดเป็น 1.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดในเมียนมา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่หลังจากพม่าประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในปี 1948 รัฐบาลพม่าไม่ทำตามข้อตกลงในสนธิสัญญาปางโหลงที่เป็นการเจรจาร่วมกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ และ อูนุ นายกรัฐมนตรีพม่าในอดีต ประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จัดตั้งกองกำลังขึ้นเพื่อต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียมและสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง (self-determination) ซึ่งรวมถึงการก่อตั้ง KIA ของชาวคะฉิ่น

กลุ่มชาติพันธุ์จับอาวุธต่อสู้กับกองทัพพม่ามาโดยตลอด และมีการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง KIA กับกองทัพพม่าในปี 1994 แต่มีการละเมิดเงื่อนไขในปี 2011 ทำให้ข้อตกลงสิ้นสุดลงและการต่อสู้ดำเนินต่อเนื่องมานับตั้งแต่นั้น ประกอบกับรัฐบาลทหารพม่าปัจจุบันยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2021 ทำให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มหันมาร่วมมือกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น ต่อสู้กับกองทัพพม่าและขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →