การเปิดเกมรุกของกลุ่มกองกำลังพันธมิตร 3 พี่น้องในนาม The Brotherhood Alliance ซึ่งประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army-MNDAA) กองทัพตะอางหรือปะหล่อง (Ta’ang National Liberation Army-TNLA) และกองทัพอาระกัน (Arakan Army-AA) ที่ได้ปฏิบัติการโจมตีกองทัพพม่าในชื่อ Operation 1027 รอบ 2 ทำให้สถานการณ์ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นรัฐที่ใหญ่สุดน่าจับตามองเป็นอย่างมาก
กองกำลังโกก้าง MNDAA สามารถตีฐานใหญ่ของกองทัพพม่าและมีแนวโน้มยึดเมืองล่าเสี้ยวซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐฉานเหนือไว้ได้ สอดประสานกับกองกำลังตะอาง TNLA ที่ยึดเมืองกุดในเขตมัณฑะเลย์ได้เช่นกัน การวางยุทธศาสตร์รบของกองกำลัง 3 พี่น้องย่อมไม่ธรรมดาโดยมีเงาทะมึนของยักษ์ใหญ่จีนอยู่เบื้องหลัง
ประชาชนส่วนใหญ่ในรัฐฉานเป็นชาวไทใหญ่ซึ่งมีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติกับคนล้านนามายาวนาน ดังนั้นเมื่อการสู้รบรุนแรงจนประชาชนตาดำๆไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป การอพยพหนีภัยครั้งใหญ่จึงมีเป้าหมายอยู่ที่ประเทศไทย แม้จะเป็นพื้นที่ห่างไกลอย่างรัฐฉานเหนือก็ตาม
“สำนักข่าวชายขอบ”ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษาและอาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงสถานการณ์การสู้รบในรัฐฉาน โดยเฉพาะเมื่อฐานใหญ่ของกองทัพพม่าในเมืองล่าเสี้ยวถูกตีแตก
“เกิน 3 ปีแล้วที่กองบัญชาการกองทัพภาคของพม่าไม่เคยถูกตีแตกเลยสักแห่ง แต่เมื่อกองบัญชาการในเมืองล่าเสี้ยวถูกยึด ส่งผลเชิงจิตวิทยามาก อาจมีความหวั่นเกรงว่าจะเป็นระลอกคลื่น หากล่าเสี้ยวแตก เมืองตองจี เกซี โขหลำ เชียงตุง จะอย่างไรต่อ รวมถึง Central Command หรือกองทัพภาคกลางที่มัณฑะเลย์
“เหมือนกับว่าการยึดครั้งนี้ กองกำลังโกก้างยึดล่าเสี้ยวเป็นหลัก กองกำลังประชาชน (People’s Defense Force-PDF) มัณฑะเลย์ผสมกับกองกำลังตะอาง (TNLA ) น่าจะทำให้ทหารพม่ามีความหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพภาคกลางที่มัณฑะเลย์ด้วยซ้ำไป
“ตอนนี้ต้องรอดูว่าทหารพม่า การรักษากองบัญชาการภาคทหารเหล่านี้ไม่ให้ถูกตีแตกเป็นโดมิโนได้อย่างไร อาจจะต้องมีการเจรจาต่อรอง ท่าทีจีนเป็นอย่างไร จะต้องเป็นปัจจัยที่พิจารณาประกอบกัน จะเบรกไว้แค่นี้หรือตี military command (ฐานบัญชาการทหารพม่า) อีก”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองแผนการรุกคืบของกองกำลังสามพี่น้องอย่างไร เพราะยึดเมืองกุดในมัณฑะเลย์ และล่าเสี้ยวได้พร้อมๆ กัน นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า “ผมมองว่าได้มีการปูพื้นลำดับเหตุการณ์ในปีที่ผ่านๆ มาอยู่แล้ว ปฏิบัติการ 1027 เฟสแรกเมื่อปีที่แล้ว ฝ่ายต่อต้านก็ควบคุมโครงข่ายคมนาคมขนส่ง เมืองต่างๆ ในรัฐฉานเหนือ โดยเฉพาะแนว Burma road ดังนั้นการเปิดปฏิบัติการเฟสสองในปีนี้ก็ใช้พื้นฐานที่มีในปีที่ผ่านมา เข้าเป็นฐาน กระโจนโอบล้อมทางยุทธศาสตร์
“สมมุติว่าผมเพาะกำลังคุมไว้เมืองหนึ่ง เส้นทางยุทธศาสตร์จุดหนึ่ง มันก็ต่อเรียงกันมาเรื่อยๆ ขยับขยายและกระชับวงล้อม ต้องบอกนิดว่าล่าเสี้ยวอยู่ในวงล้อมมาตั้งแต่ปฏิบัติการ 1027 เมื่อปีที่แล้ว แต่ว่าไม่ได้มีการกระชับวงล้อม พอมารอบสองมีการแบ่งหน้าที่กันเข้าตี คือปีที่แล้วเข้าใจว่ากองกำลังตะอาง TNLA จะมา แต่ปีนี้กลายเป็นกองกำลังโกก้าง MNDAA แล้ว TNLA ดูรัฐฉานทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองจ๊อกเม หนองเขียว ไปถึงเมืองพินอูลวิน
“ขณะเดียวกันกองกำลังโกก้าง MNDAA ก็กระชับวงล้อมแล้วใช้โครงข่ายพื้นฐานที่มีเมื่อปีที่แล้วกระชับแน่นเข้ามาอีก และมีปัจจัยที่จีนเข้าหนุนช่วยสำคัญ พลังของกองกำลัง PDF ในพื้นที่ ที่ชนะส่วนหนึ่งคือมี foundation (ฐาน) มาจากปีที่แล้ว อีกส่วนเป็นการเดินทัพแบบไม่รวดเร็วมาก แบบ surprise attack ใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ ค่อยๆ โอบเข้ามา
“ทีนี้อยู่ที่ว่าทหารพม่าที่อยู่ข้างในซึ่งเป็นกองบัญชาการภูมิภาคทหาร ก็มีปริมาณที่ค่อนข้างจะตอบโต้ได้อยู่เหมือนกัน พอถูกโอบล้อมมากๆ มีกลยุทธ์ทั้งกดดัน เข้าตี และเจรจาหว่านล้อม ให้ทหารพม่าอาจจะเคลิ้มรีบวางอาวุธด้วย อาจจะทำให้เป็นปัจจัย แต่ผมคิดเบื้องลึกแล้วถ้าไม่มีพลังของจีน ไม่ว่าจะเป็นยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็น่าจะยาก ปัจจัยนี้น่าจะเป็นตัวเสริมให้มีการชี้ขาดในเกมล่าเสี้ยว”
ผู้สื่อข่าวถามว่าศึกเมืองล่าเสี้ยวแตกต่างจากศึกเมียวดีอย่างไร รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า เส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัยในศึกเมียวดียังไม่ได้คุม Asia Highway เป็นแนวยาวจนไปต่อกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่เมืองมะละแหม่ง แล้วมีปัจจัยกลุ่มของชิตตู่ (กองกลัง BGF Karen) ที่เอนเอียงมาทางกองทัพของทหารพม่า มีเรื่องการที่ KNU (Karen National Unionหรือสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง) PDF เข้าไปยึดพื้นที่ด่านตรวจแต่ไม่มีทรัพยากรมนุษย์ที่จะทำระบบต่างๆ ตามแนวชายแดนและยังต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ทหารพม่าให้มาคีย์ระบบ border pass (บัตรผ่านแดน) ฯลฯ แต่กรณีของล่าเสี้ยว ต้องบอกว่าเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัยถูกกองกำลังพันธมิตร 3 พี่น้องและอิทธิพลจีนคุมได้ก่อนหน้านั้นแล้ว
“โอ้โห การที่ล่าเลี้ยวตกในภาวะกึ่งๆ isolate (โดดเดี่ยว) มาพักใหญ่ การที่ทหารพม่าเคลื่อนทัพจากโซนอื่น เช่น มัณฑะเลย์มาช่วย ก็เจอกองกำลังตะอาง TNLA สกัดที่จ๊อกเม หนองเขียว เคลื่อนทัพมาจากตองจีหรือเชียงตุงก็มีทหารของฝ่ายทางเหนือ กองกำลังสหรัฐว้า (UWSA) เข้ามายันด้วย เมืองจ๊อกเม หนองเขียวสีป้อ ถูกล้อมไว้จนทำให้เมืองอยู่ในกำมือของฝ่ายที่โอบล้อม ทหารพม่าจะไปสลับ โยกกำลังหนุนเติมทำไม่สะดวกเลย ถูกล้อม ติดขัดหมด
“2 ที่ผ่านมา โกก้าง MNDAA ก็พยายามจัดระเบียบการปกครองในพื้นที่เขตปกครองโกก้างได้ประมาณนึง แล้วติดชายแดนจีนน่าจะได้ความช่วยเหลือ ได้ทรัพยากรจากจีนอีก เป็นการที่จีนอาจจะต้องการคุมพื้นที่นี้จริงๆ แล้วพม่าอาจจะเกรงใจด้วย พูดยาก แต่ก็ทำให้ทหารพม่าสู้แบบเต็มที่ขนกำลังมาเจออิทธิพลจีน ก็เลยยาก”
เมื่อถามว่าภาคเหนือรัฐฉานอยู่ในเขตอิทธิพลกองกำลัง 3 พี่น้องเกือบหมดแล้ว หากยึดล่าเสี้ยวได้ ใช่หรือไม่
รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า “ ผมว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดเพราะเมืองล่าเสี้ยวมีประชากรเกินหนึ่งแสน เป็นเมืองใหญ่สุดในรัฐฉานเหนือ กองทัพภาคของพม่าก็อยู่ตรงนั้น Burma road เส้นทางเศรษฐกิจต้องผ่านล่าเสี้ยว ยึดล่าเสี้ยวได้ก็เรียบร้อย
“ ถ้าถามว่าในอนาคตถ้าทหารพม่าไม่มายึดคืนอีกหรือ รูปลักษณ์ทางการปกครองจะเป็นยังไง ผมว่าจะคล้ายๆ เครือสมาพันธรัฐว้าจีน คือจะมีรัฐกึ่งอิสระขนาดย่อม เช่น รัฐปะหล่อง ที่มีอาณาเขตใหญ่กว่าที่ระบุในรัฐธรรมนูญ (รธน.) 2008 แล้ว ต่อเรียงมาคือของโกก้าง MNDAA ซึ่งอาณาเขตก็ใหญ่กว่าในรัฐธรรมนูญ 2008 แล้ว อิทธิพลจีนก็เข้าไปคุม ปูยาวในแนวนี้เลย ที่สำคัญคือมีว้า UWSA ซึ่งเป็นมหาอำนาจในรัฐฉานเหนือเข้ามา protectorate คุ้มครองความปลอดภัยร่วมกับจีนอีกชั้นหนึ่ง”
เมื่อถามอีกว่า อิทธิพลของกองกำลังว้ารุกคืบมาถึงไหนแล้ว นักวิชการผู้นี้กล่าวว่า “ค่อยๆ รุกคืบมาแล้ว แบบมาเองเต็มๆ เพื่อเข้ามาจัดระเบียบสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ในลักษณะที่เป็น “ป๋าดัน” ให้กับทางโกก้าง และ ตะอาง TNLA สำหรับกองกำลังว้า หลักๆ อยู่ที่เมืองปางซาง แต่ตอนนี้เลือกจะแผ่มาถึงเมืองลาด้านล่าง ส่วนด้านบนมาเรื่อยๆ แล้ว แต่ตัวแสดงที่ออกหน้าหลักคือ กองกำลัง TNLAและโกก้าง MNDAA ซึ่งสองกลุ่มนี้ก็มี agenda (วาระ) เฉพาะในการยึดหัวเมืองสำคัญๆ ว้าก็ต้องเข้ามาคุมหรือเป็นผู้สนับสนุนอยู่บ้าง ทำนองนี้
“สรุปคือภูมิทัศน์รัฐฉาน อาจจะฉีกออกเป็นสองแนว คือแนวหนึ่งเป็นเขตที่อยู่ในอารักขาของจีนที่มีกองกำลังว้า คุมเป็นพี่ใหญ่ อยู่ในรัฐฉานตอนบนทั้งหมด รวมถึงรัฐว้าแถวปางซาง เมืองลา และอาจลงมาชายแดนไทย ตรงว้าใต้ ส่วนอีกกลุ่มเป็นรัฐฉานที่มีสภากอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of Shan State-RCSS) ของเจ้ายอดศึก มีกองกำลังปะโอ แดง-ขาว แถวเมืองตองยี สี่แสง อาจจะมีกองกำลังรัฐฉานเหนือ (Shan State Progress Party-SSPP) ที่อยู่รัฐฉานเหนือและกลางๆ ด้วย แบ่งออกสองส่วนนี้จะเริ่มเห็นชัด
เมื่อถามถึงเมืองเชียงตุงซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งและอยู่ใกล้ศูนย์กลางเขตอิทธิพลของว่าจะเป็นอย่างไร รศ.ดร.ดุลยภาคกล่าวว่า ขณะนี้เชียงตุง ทับซ้อนกัน 3 เจ้า หลักๆ เป็นกองทัพภาคของ SAC พม่า ภาคสามเหลี่ยมตั้งอยู่ที่เชียงตุง ทหารพม่าเข้าควบคุม ทางกองทัพสหรัฐว้าก็มีข่าวเป็นระยะออกมาว่าเชียงตุงอยู่ในแนวล้อมของเขาแล้ว
“หากว้าจะสร้างรัฐว้าให้เสร็จสมบูรณ์ในปีหน้า การเชื่อมว้าเหนือที่ปางซางกับว้าใต้ที่ติดชายแดนไทยต้องผ่านเชียงตุง ว้าอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างให้เชียงตุงเป็นเมืองที่สะดวกสบายในการเชื่อมอิทธิพล ดังนั้นก็ทับซ้อน
“อีกส่วนคือ RCSS ของเจ้ายอดศึก ซึ่งผมคิดว่าท่านก็ใส่ใจกับการดำรงอยู่ของเชียงตุง ทั้งในเรื่องของฐานคะแนนเสียง และการคุมชายแดนแม่น้ำโขง ชายแดนจีน-ลาว-ไทยได้ หากสภากอบกู้รัฐฉาน RCSS อยากสลับรัฐเป็นพื้นที่ขนาดย่อม ที่มีอิสระพอสมควร ผมว่าเจ้ายอดศึกก็เล็งเชียงตุงเป็นเมืองหลวงไว้เหมือนกัน ก็ต้องจับตาดู”
ผู้สื่อข่าวถามว่าภูมิทัศน์พื้นที่ของชาวไทใหญ่ก็ถูกล้อมไว้หมดแล้ว รัฐของชาวไทใหญ่กำลังจะกลายเป็นพื้นที่เล็กๆ ในรัฐฉานภาคกลางตอนล่างใช่หรือไม่ รศ.ดร.ดุลยาภาคกล่าวว่าใช่ อยู่ในรัฐฉานใต้ และค่อนไปแถวๆ รอบๆ ตองจี มีกองกำลังฉานเหนือ SSPP ผสมกับกองกำลังปะโอ ซึ่งมีทั้งปะโอแดง ปะโอขาว ก็เป็นอีกชนชาติที่ไม่ใช่ไทใหญ่ ก็ต้องมาแชร์อีก
“เอาจริงๆ หากย้อนไปรัฐธรรมนูญ 2008 มีเขตปกครองสำหรับชนชาติ คือว้า ปะโอ ปะหล่อง ดนุ โกกั้ง นาคะ อยู่ตรงสะกาย ซึ่ง 5 กลุ่มอยู่ในรัฐฉาน แล้วคุม township เมืองต่างๆ ระบุในรัฐธรรมนุญ 2008 ชัดเจน
“ตรงนี้เป็นการแยกพื้นที่ปกครองให้ชนชาติอื่นแบ่งไปจากชนชาติไทใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาวันนี้ปฏิบัติการของสามพี่น้องและการเรืองอำนาจของว้า เป็นชนชาติอื่นที่ไม่ใช่ไทใหญ่ไปรบพุ่งพม่าแล้วชนะทำให้มีพื้นที่ปกครองมากกว่าที่ระบุในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นไทใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“พูดตรงๆ เช่น แสนหวี จริงๆ มีชาวไทใหญ่อยู่พอสมควร แต่โกก้าง TNLA ก็เข้าไปยึด แล้วมี substate เป็นอนุรัฐของคะฉิ่นอีก กองกำลังคะฉิ่น (Kachin Independent Army-KIA) ก็เข้าไปคุ้มครองประชาชนของตนที่นั่นด้วย แสนหวีเคยมีเจ้าฟ้ารัฐฉานที่เรืองอำนาจ ตอนนี้ไทใหญ่อิทธิพลเริ่มย่นและย่อ
“ข้อสังเกตส่วนตัวคือ ผมไปเห็นประกาศของกองกำลังโกก้าง ให้ประชาชนในเมืองล่าเสี้ยวไม่ต้องตื่นตระหนก ขณะนี้กองกำลังได้เข้าควบคุมแล้ว กำลังจัดระเบียบ มี keywords ที่น่าสนใจ คำว่า special administrative region (SAR) สำหรับโกก้าง ผมว่าเขาใช้คำว่า region ไม่เหมือนในรัฐธรรมนูญพม่าที่ใช้คำว่า zone, division พื้นที่ปกครองพิเศษสำหรับโกก้าง
“แต่มาวันนี้โกก้างใช้คำว่า region ซึ่ง SAR เป็นคำเดียวกับที่ใช้ที่มาเก๊า ฮ่องกง ของจีน ซึ่งมันเป็นหนึ่งประเทศสองระบบเลย โมเดลฮ่องกงมาเก๊าที่ใช้กับจีนแผ่นดินใหญ่ มีหลักฐานยังไม่สะเด็ดน้ำว่า ใช้คำนี้เป็นการสื่ออะไรบางอย่างในการปกครองพื้นที่”
เมื่อถามว่าทุกกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆพยายามครอบครองและขยายพื้นที่รัฐฉาน ขณะเดียวกันก็ต้องรบกับกองทัพพม่าหรือรบกันเอง ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ สถานการณ์เช่นนี้จะเป็นจุดอ่อนหรือไม่ นักวิชการรผู้นี้กล่าวว่า ต้องดูสองเด้ง คือเอาพื้นที่ที่อยากได้ก่อน ทำสงครามเพื่อสร้างรัฐ ได้พื้นที่เพิ่มก็ขยายกองทัพไปยึดเพิ่ม แต่ก็จะมีขอบเขตว่าเอาแค่ไหน เช่น ปะหล่อง TNLA อาจจบแค่จ๊อกเม หรือ พินอูลวิน ที่มีโรงเรียนนายร้อย น่าจะสุดแค่ประมาณนี้
“ส่วนโกก้างเขาต้องรักษาพื้นที่เขตปกครองที่มี ไปถึงล่าเสี้ยว ก็สุดๆ ประมาณนี้ สำหรับกำลังลังอาระกัน ก็เอารัฐอาระกันทั้งหมด และปเลตวาที่รัฐชิน แล้วอาจสร้าง confederation สมาพันธรัฐที่ยังไม่ได้แยกออกพม่า แต่มีอำนาจจัดการตนเองที่สูงกว่าเนปีดอว์
“ถ้ามีการประสานจากรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government-NUG) PDF และองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ (EAOs) ทหารพม่าเริ่มอ่อนแรงลง สบช่องก็อาจจะเคลื่อนเป็นการเข้าตีแต่ละทิศโดยกองกำลังชนกลุ่มน้อยอัดเข้าไปที่เนปีดอว์ มีแผนตรงนี้อยู่ ลักษณะการเคลื่อนทัพตลอดปีนี้บ่งชี้อย่างนั้น หมายความว่าถ้ามีข้อตกลงร่วมกันตีเนปีดอว์ ทำให้ทหารพม่าพ่ายแพ้ไปเลย และจีนไฟเขียว
“ถ้ามันเป็นลักษณะนั้นเงื่อนไขแบบนี้ 3 พี่น้องก็จะเคลื่อนมาจากที่ราบสูงฉาน มัณฑะเลย์ ทำให้ Central Command แตกหรืออัมพาต ส่วนคะฉิ่นก็ยึดเมืองมิตจินา กองกำลังอาระกัน บุกจากรัฐอาระกันมา Burman heartland (พื้นที่ราบภาคกลาง)
“ส่วนกองกำลังคะเรนนี (Karennni Progressive Party-KNPP) เขามีเส้นทางเข้าตีอยู่แล้ว ผสมกับ PDF จากเมืองลอยก่อไปเนปีดอว์ กองกำลังของกะเหรี่ยง KNU จากเมียวดีถ้าเข้มแข็งต่อไปอีกก็จะยึดมะละแหม่ง เข้ามาย่างกุ้ง พื้นที่ทางการทหาร KNU วางไว้ที่ลุ่มน้ำสะโตงแถวตองอู ตีสวนขึ้นไปเนปีดอว์ มี military column ประสานกันในกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์และ PDF “
เมื่อถามถึงเรื่องระยะเวลาตามแผนที่เขาวางไว้จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน รศ.ดร.ดุลยภาคกล่าวว่าตลอดปีนี้อาจจะมีบางเหตุการณ์ให้เราเห็น ให้ตื่นเต้นมีความเปลี่ยนแปลง เช่น ถ้าจีนไฟเขียวจริงๆ ผลประโยชน์จีนจะได้รับการปกป้องอุ่นใจ เขาต้องให้กองกำลังที่เป็น proxy (ตัวแทน) เข้าไปคุมมัณฑะเลย์ ซึ่งมีพื้นฐานเป็น China town อยู่แล้วในหลายมิติ ก็จะสามารถกดดันเนปีดอว์ได้
“เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการเรียกอดีตประธาธิบดีเต็งเส่ง และพล.อ.โซวิน เข้าไปคุยเกี่ยวกับการจัดเลือกตั้ง การเจรจาสันติภาพ และการกดดัน พล.อ.มินอ่องลาย ซึ่งท่านอาจจะไม่ไว้วางใจบางคนที่ไปสัมพันธ์กับจีนมากๆ อาจจะมีการถ่วงดุล-ลดกำลังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนที่ทำให้ พล.อ.มินอ่องลายไม่ไว้วางใจ ทหารพม่าก็สู้
“มหาอำนาจที่ยังช่วยพม่าได้ ผมว่าเป็นรัสเซีย แม้จะอยู่ไกลแต่การเป็น supplier(สูงกว่า) อาวุธยุทโธปกรณ์ โครงการพัฒนานิวเคลียร์ยังมีต่อเนื่อง พม่าถือรัสเซียเอามาถ่วงดุลไว้ก่อน”
เมื่อถามว่าอินเดียก็ขยับเข้าหา SAC เช่นกัน รศ.ดร.ดุลยภาคกล่าวว่า อินเดีย จีน ต้องขยับเข้าหา SAC อยู่แล้ว เพราะเป็น 2 ประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกับพม่า
“ทหารพม่าก็หวาดระแวงทั้งเจ๊กทั้งแขกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่รัสเซียไม่ใช่อย่างนั้น รัสเซียอยู่ไกลออกไปทหารพม่าไม่หวาดระแวง หลังรัฐประหาร พล.อ.มินอ่องลายไปเยือนรัสเซียหลายครั้ง ผู้บัญชาการระดับสูงของรัสเซียก็มาพม่า แถมข่าวการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายอีก ไม่รู้รัสเซียจะเอางบประมาณมาจัดเต็มให้สร้างเสร็จได้จริงหรือไม่ แต่หน้าข่าวมาแล้วว่ารัสเซียขยับทวาย
“อิทธิพลจีนที่ว่าจะคุมเส้นทางการค้ารัฐยะไข่ ท่าเรือน้ำลึก หากมีเส้นทางใหม่ที่ทวายแล้วรัสเซียคุม จีนจะปรับตัวอย่างไร คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า ประเทศไหนจะมาทางพม่ายังเป็นเรื่องสำคัญ
“หากมองในแง่ยุทธศาสตร์ ทหารพม่าต้องการยื้อเวลา พล.อ.มินอ่องลาย พยายามขจัดแนวโน้มการเลื่อยขาเก้าอี้ จัดการคนที่เขาไม่ไว้ใจ เรื่องทหารเกณฑ์ของกองทัพพม่า SAC ที่ฝึกใหม่พร้อมรบปีนี้ถึงต้นปีหน้า หากได้ปริมาณกำลังพล 60,000 นายโดยประมาณ จะทำให้ทหารพม่าไม่ได้พ่ายทั้งกระดานในเร็ววัน ยังยื้อเวลาสู้กับชนกลุ่มน้อยได้ และรักษาพื้นที่เป็นเขตเลือกตั้ง
“หากมีการจัดเลือกตั้งในปีหน้า แล้วจะออกมาเป็นรัฐบาลในระบอบลูกผสม หมายถึงว่าพรรค USDP (ของกองทัพพม่า) ผสมกับพรรคชาติพันธุ์บางกลุ่มภายใต้ระบอบที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหน่อยนึง แต่ทหารยังมีอำนาจทางการเมืองต่อ แต่รัฐบาลใหม่ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับกองทัพ
“สรุปแล้วสำหรับทหารพม่าเอาทหารเกณฑ์ การสนับสนุนจากรัสเซีย การโยกกำลังไปมาบางพื้นที่ และจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อยื้อเวลาไป
“พอมีการเลือกตั้งจะทำให้ฝ่ายต่อต้านเสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ว่ามีการเลือกตั้งแล้วก็ไปจดทะเบียนพรรคการเมือง ยอมรับมันดีกว่าแล้วไปเจรจาแบ่งผลประโยชน์จาก พล.อ.มินอ่องลาย อีกกลุ่มคือไม่รับการเลือกตั้ง ปฏิวัติสู้รบต่อไป ฝ่ายต่อต้านจะถูกผ่าเป็นกลุ่ม radical (หัวรุนแรง) กับ moderate (ปานกลาง) เป็นแผนของพม่า แต่จะทำได้หรือไม่อยู่ที่ความเข้มแข็งของฝ่ายต่อต้านและเงื่อนไขอีกหลายอย่าง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับรัฐไทยนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองควรเป็นอย่างไร รศ.ดร.ดุลยภาคกล่าวว่า ไทยต้องให้ความสำคัญกับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการเข้าไปมีส่วนในการพัฒนาสันติภาพ มีการปูพื้นมาบ้างแล้วสมัยที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสมัยนี้ก็ต้องต่อยอดให้ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงขึ้น
“ไทยน่าจะเปิดการทูตไว้ 4 ลู่ โดยลู่ 1 อยู่ที่ Burman heartland ที่ราบภาคกลางของพม่า และเนปีดอว์ ไปกระชับสัมพันธ์กับทหารพม่าไว้เพราะเขายังมีอำนาจในพื้นที่ ลู่ 2 อาณาบริเวณชายแดน เช่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ รัฐฉาน ให้ติดต่อกับ SAC ไว้ แต่เปิดให้กองกำลังชาติพันธุ์ชายแดนติดต่อได้ ไม่ว่าจะเป็น KNU PDF แต่อย่าลืม DKBA ด้วยเพราะเป็นอีกกลุ่มที่มีความสำคัญและอยู่ติดชายแดนไทยด้วย
“ส่วนลู่ 3 เราต้องสานสัมพันธ์กับจีน อินเดีย ซึ่งเป็นเพื่อนพม่าเหมือนกัน มีชายแดนติดพม่าแบบยาวเหยียด และลู่ 4 เน้นอาเซียน เอาใจสปป.ลาวไว้ก่อนในปีนี้ แล้วต้องดีลกับมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า
“ถ้าวางไว้แบบนี้น่าจะพอค้ำประกันผลประโยชน์ของไทยได้ แต่ที่นักยุทธศาสตร์ไทย หรือนักการเมืองไทย นักการทูตไทยไม่ควรละเลยเลย คือไทยอย่ามองพม่าหยุดอยู่แค่ชายแดนตะวันตก เราจะต้อง move forward คือก้าวออกไปข้างหน้า สร้างเขตอิทธิพลให้ไทย เช่น พื้นที่รัฐฉานตอนใต้ เราจะต้องคิดแล้วว่าจะมารับปัญหายาเสพติดที่เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อย่างเดียวไม่ได้แล้ว
“เราต้องไปสร้างวงการทูตเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดหรือร่วมมือในลุ่มน้ำโขงโดยดึงจีน ว้า ลาว เข้ามาคุยด้วย เป็นการวางกำลังการทูตส่วนหน้าเพื่อให้ประเทศไทยรักษาอิทธิพลในเขตรัฐฉานใต้
“ฝากนิดนึงว่า กลุ่มการเมืองไทยทั้ง 3 กลุ่ม ถ้ามองแบบนี้ได้เหมือนกันหมด ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์ ยกตัวอย่าง พรรคเพื่อไทยต้องการปราบปรามยาเสพติดและต้องการ soft power ใช่มั้ย รัฐฉานใต้คือคำตอบหลายๆ ในเชิงวัฒนธรรม หรือการขยายอำนาจทางยาเสพติดของว้า
“พรรคก้าวไกลอยากเข้าไปช่วยด้านมนุษยธรรม ตอนนี้ประชากรรัฐฉานเหนือจะอพยพมารัฐฉานใต้แล้วเข้าชายแดนไทย พรรคตก้าวไกลก็ต้องเข้าไปช่วยในทางที่ถนัด
“ส่วนสุดท้ายคือกองทัพและฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทุกวันนี้รากของสหรัฐไทยเดิมไม่มีแล้ว ในสมัยที่กองทัพไทยยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม บุกเชียงตุง ไม่มีแล้ว วันนี้กองทัพสหรัฐว้าครอง แล้วกองทัพไทยมองปัญหานี้อย่างไร การมีอยู่ของสภารัฐฉาน RCSS จะช่วยถ่วงดุลอำนาจจีนและอำนาจว้าที่ลงมาติดชายแดนไทยด้านนี้
“หากเราขีดเส้นชัดเจนและมองไปข้างหน้า กลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกันแต่มีพื้นที่เดียวกันในการทำให้รัฐไทยเข้าไปมีอิทธิพลในพม่า อันนี้โอเค คือต้องทำแบบละมุนละม่อมและมีสันติภาพ”
เมื่อถามอีกว่าในกรณีจีนทำไมขยายอิทธิพลออกมาได้โดยรัฐบาลทหารพม่าไม่ออกมาโวยวาย ไทยจะสนับสนุนให้กองกำลังชาติพันธุ์แถวชายแดนขยายอิทธิพลออกไปเช่นนั้นบ้างได้หรือไม่ รศ.ดร.ดุลยภาคกล่าวว่า มีความแตกต่าง เพราะจีนเข้าไปเล่นในกระบวนการสันติภาพในพม่าเข้มข้น กองกำลังติดอาวุธขนาดใหญ่อยู่ติดชายแดนจีนหมด เช่น ว้า ผลประโยชน์จีนในพม่าในเชิงภูมิรัฐศาสตร์สูงมาก ทั้งท่อก๊าซ ท่าเรือน้ำลึก ด่านการค้ามูเจ้ รุ่ยลี่ หากเปรียบเทียบแล้วของไทยสู้ไม่ได้
“แต่หากไทยไม่ขยับเลย วางมืออยู่ที่ชายแดนอย่างเดียว อีกหน่อยจีนก็เลื้อยลงมาและกดดันไทยด้วย ตอนนี้พญามังกรเลื้อยคืบคลานหมด หากไทยไม่ขยับอีกหน่อยไพ่การเมืองยุทธศาสตร์ในพม่าจะเป็นอย่างไร เราต้องคุยกับจีนด้วย ทั้งพื้นที่ติดกับเราก็ต้องขยับบ้างและระบุพื้นที่ให้ชัด เหมือนจีนทำ จีนเขาขีดเลยว่าโกก้างเมืองลา ว้าเหนือ ว้าใต้ ตะอาง เขาขีดมาเลยว่านี่เขตที่สัมพันธ์กับผลประโยชน์ของจีน แต่ไทยไม่ได้ทำแบบนั้น
“มุมมองของผม เราทำได้ แต่ไม่ใช่ทำให้ทหารพม่าไม่สบายใจมากๆ แบบที่จีนทำ พื้นที่ชายแดนเราคุยทั้ง 3กลุ่ม เช่น ทหารพม่า กองกำลังชาติพันธุ์ ทำให้พื้นที่นั้นเศรษฐกิจไทยไม่กระทบ เช่นเหตุที่แม่สอดเมียวดีตอนนี้การค้าไทย-พม่าดำเนินการได้แล้ว การคุยของไทยส่วนหนึ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่”