“ปีนี้เป็นตัวที่ 3 แล้ว” นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ชาวบ้าน ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี บอกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยถึงสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ถูกฆาตกรอำมหิตฆ่าตายต่อหน้าต่อตา
โดยไม่ต้องสืบสาวราวเรื่อง สาเหตุที่ “เจ้าอ้วน” หรือ “อีอ้วน” ของนางหนูเดือน ต้องถูกใบสั่งประหารก็เพราะใครบางคนน่าจะเข้ามาดำเนินการบางอย่างในที่ดินซึ่งเป็นมหากาพย์ข้อพิพาทกันมายาวนานหลายสิบปีระหว่างกรรมสิทธิใบจองกับนายทุนที่มีโฉนด
“เจ้าอ้วน” อาจทำหน้าที่ “เห่า” ตามสัญชาตญาณของมันโดยซื่อหากใครสักคนลักลอบเข้ามาในที่ดินที่มันซุกหัวนอนแล้วบังเอิญไปปลุกให้อีกหลายคนต้องตื่นขึ้นมายามวิกาล
ก่อนหน้านี้หมาของเธอถูกของมีคมซึ่งอาจจะเป็นมีดหรือพร้าหรือขวานฟันเหวอะแผลฉกรรจ์จนขาดใจตาย
ถามถึงสถานการณ์ที่เคยถูกกลุ่มนายทุนเอารถเข้ามาขุดหน้าดินในพื้นที่ของเธอ รวมถึงตัดโค่นต้นไม้ และมีบางครั้งมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่
“มีวันก่อนเข้ามาครั้งนึง พี่ก็ไปแจ้งความตำรวจ ตำรวจก็ออกมาดูพื้นที่ วันรุ่งขึ้นเขาก็ขนรถแม็คโครออกไป เหตุบุกรุกคุกคามดีขึ้นแต่เขามาเบื่อหมาพี่ตายไปตัวนึงเมื่อวาน (3 สิงหาคม 2567) อยู่ดีๆเขาก็มาวางยาเบื่อหมา เพราะหมามันไม่ไปไกล ตัวนี้ตัวที่ 3 แล้ว
“ ตัวแรกโดนมีดฟันมันบาดเจ็บสาหัสแล้วมันก็ตาย ตัวที่ 2 ก็เป็นลูกไอ้อ้วนที่ตายเมื่อวาน พี่ไม่อยู่ ป้าแกเห็นแต่แกไม่รู้จะทำยังไง ตอนที่พี่เห็นมันก็อาการหนักแล้ว ไม่รอดแล้ว น้ำลายฟูมปากแล้วมันก็วิ่งลงน้ำ ป้าแกว่ามันวิ่งลงน้ำ ไปนอนแช่อยู่ในน้ำ มันน่าจะร้อนท้อง ป้าแกจับหมาตัวนี้ไม่ได้ พอพี่ไปเจออาการมันก็หนักแล้ว มีเลือดไหลออกทางปากมัน ตัวนี้อายุน่าจะ 7-8 ปีแล้ว เลี้ยงมานานแล้ว แม้จะยังมีลูกๆของเจ้าอ้วนอีก แต่ก็ไปอยู่ที่บ้านป้าใกล้ๆกันในที่แปลงเดียวกัน ส่วนตัวนี้มันจะอยู่กับพี่” นางหนูเดือน เล่าถึงเหตุเจ้าอ้วนถูกวางยาเบื่อ
กว่า 30 ปีที่ผืนดินบ้านหนองกินเพลนับหมื่นไร่ของชาวบ้านที่แผ้วถางจับจองถูกนักการเมืองใหญ่ใช่เล่ห์เหลี่ยมอ้างจะออกเอาไปออกโฉนดให้แต่ท้ายสุดกลับฮุบเป็นของตัวเอง แต่ในแปลงของนายวิทยา แก้วบัวขาวและนางหนูเดือนซึ่งมีใบจองและไม่สยบยอมนักการเมือง พร้อมทั้งยืนยันสิทธิ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องจนสุดท้ายศาลปกครองพิพากษาให้นายวิทยาชนะคดีและให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ออกโดยไม่ถูกต้อง แต่กรมที่ดินกลับเฉไฉ ทำให้เรื่องราวยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน
ทำไมเขาถึงวางยาเบื่อหมา ?
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นคนแถวนั้นแหละ อาจจะอยู่บ้านใกล้เคียงนี่ล่ะที่เขามีปัญหากับเรา เวลาเขาแอบเข้ามาก็คงกลัวว่าหมามันจะเห่า พวกนี้ส่วนมากก็จะเป็นพวกนายหน้า วันก่อนก็เจอคนนึงเข้ามาแล้วก็เอาธูปมาปัก คิดว่าคงจะบนบานศาลกล่าวให้ได้ขายที่อะไรประมาณนั้น เห็นมีขวดน้ำแดงเหมือนจะเอามาเลี้ยงเจ้าที่ แล้ววันก่อนพี่สาวของพี่วิทยาก็ไปเจอผู้ชาย 2 คน คนที่เขาอ้างว่ามีโฉนดให้มาตัดเอาหน่อไผ่ พี่สาวแกก็เลยว่าหน่อไผ่ใครปลูก แม่เป็นคนปลูกอยู่มาตั้งอายุ 63 แล้ว ที่ตรงนี้เป็นที่ของแม่ แกก็เลยว่าอย่างนี้ เขาก็ออกไป”
นางหนูเดือน สันนิษฐานว่าคนวางยาเบื่อเป็นพวกนายหน้าเร่เอาโฉนดไปขายให้กับกลุ่มนายทุน
“สงสารมัน” คำสั้นๆของนางหนูเดือนที่พูดถึงเจ้าอ้วนที่ต้องตายอย่างน่าเวทนา
“มันก็อยู่กับเรามานาน เหมือนไอ้ตัวที่โดนฟันครั้งก่อนตัวนั้น เห่าดีมาก กลางคืนมันไม่นอนเลย มันนอนกลางวันพอกลางคืนมันตระเวนอยู่อย่างนั้น เราก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย พอหมาเราถูกวางยาก็อาจจะมีคนไม่ประสงค์ดีมาขโมยของ หรืออาจจะมาทำอะไร รู้สึกว่ากลัวอยู่เพราะว่าโดนบ่อย ปีนี้โดนไป 3 ตัว แต่ก่อนไม่มีนะ ปัญหามันมีก็ตอนที่เขาเริ่มมาขุดดิน เจ้าอ้วนมันก็อยู่มาตั้งนานแล้ว เป็นตัวแม่ตัวใหญ่” นางหนูเดือน เล่าให้ฟัง
ด้านความคืบหน้าหลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาระดับ จ.อุบลราชธานี ซึ่งได้ทำการประชุมครั้งแรกไปเมื่อเดือนที่แล้วนั้น นางหนูเดือนบอกว่าในเดือนนี้จะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งมาลงพื้นที่
“น่าจะลงประมาณวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ เป็นคณะกรรมการชุดใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นมายังไม่ได้ทำงานเลย ตอนนี้เขายังไม่ได้ประสานมา คิดว่าก็คงจะต้องเตรียมเอกสารว่าที่ดินเราอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ที่อื่นอย่างที่สำนักงานที่ดินสาขาวารินชำราบอ้าง
“ตอนนี้พี่ก็เตรียมตัวจะฟ้องคดีด้วยทางกองทุนยุติธรรมให้ทนายฟ้องคดี คณะทำงานชุดสุดท้ายที่ประชุมตั้งแต่ปีก่อนมีมติว่าถ้าเราไม่เห็นด้วยกับการที่กรมที่ดินยุติการตรวจสอบให้เราไปฟ้องคดี เลยเสนอให้ยุติธรรมจังหวัดช่วยเรื่องค่าทนายความ
“มันคงเป็นทางสุดท้ายแล้ววิธีการตรวจสอบของคณะกรรมการต่างๆไม่สามารถแก้ปัญหาให้สุดได้ พี่ก็เลยคิดว่าเราก็ควรจะฟ้องเพิกถอนโฉนด หรืออะไรสักอย่างเพื่อให้มันจบ เมื่อจบแล้วเราจะชนะหรือแพ้ก็ค่อยว่ากันอีกทีทางคณะกรรมการพีมูฟก็เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบทุกวันนี้เหมือนจะแก้ได้แต่ก็แก้ไม่ได้ ทางทนายความกำลังเตรียมเรื่องอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะฟ้องแบบไหนแต่จะเป็นการฟ้องศาลยุติธรรม” นางหนูเดือน กล่าว
——–