
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น.กองทัพพม่าหรือตั๊ดม่ะดอ (Tatmadaw) ได้ใช้โดรน 4 ลำบินมาจากกองกองบัญชาการชานยวาติดซึ่งตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของเทือกเขาตอนอ (ดอนะ) ข้ามมาทิ้งระเบิดบริเวณฐานที่มั่นทางทหารเส่เบท่า ของบัญชาการของกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army–KNLA) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู (Karen National Union-KNU) กองพล 7 บริเวณริมแม่น้ำเมย ตรงข้ามกับบ้านแม่สลิดหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีโดรนไปทิ้งระเบิดยังจุดสกัดทางทหารของ KNLA อีก 2 จุด
ทั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่กองบัญชาการกลางของกองพล 7 ซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางทหารสำคัญของ KNLA และศูนย์บัญชาการกลางของ KNU ถูกกองทัพพม่าโจมตีภายหลังจากพื้นที่แห่งนี้ไม่มีสถานการณ์สู้รบอย่างน้อย 15 ปี และเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยของชาวกะเหรี่ยง และบุคคลภายนอกที่เข้าไปเยี่ยมชมกิจการต่างๆ ของ KNU ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทางทหาร พิพิธภัณฑ์ของวีรชนกะเหรี่ยง นอกจากนี้ ในช่วงที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม KNU ได้เสนอให้ลำเลียงความช่วยเหลือผ่านพื้นที่นี้ เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนผู้พลัดถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ แต่รัฐบาลไทยไม่เลือกใช้เส้นทางนี้
นักวิเคราะห์ด้านการทหาร กล่าวว่า การที่กองทัพพม่าใช้โดรนโจมตีพื้นที่ไข่แดงของ KNLA ครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง แม้ไม่มีความเสียหายใดๆ มากนัก แต่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณบางประการในสนามรบที่กำลังจะรุนแรงขึ้นภายหลังฤดูฝนนี้ ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารพม่าและรัฐบาลไทย พยายามที่ต่อรองเพื่อขอเปิดถนนสายเอเชียกอกะเร็กเพื่อขนส่งสินค้า แต่ได้รับการปฏิเสธจาก KNU และเสนอให้ใช้เส้นทางแม่สลิดหลวง- ไลบวย แทน ซึ่งเป็นไปได้ว่ารัฐบาลทหารพม่าอาจไม่พอใจ และทำให้เห็นว่าเส้นทางสายนี้ก็มีสถานการณ์สู้รบเช่นเดียวกัน
“พื้นที่กองพล 7 เป็นปลอดภัยมายาวนาน เพราะเป็นที่ราบแคบๆ ติดแม่น้ำเมยขนานกับเทือกเขาตอนอ ทำให้ยากต่อการถูกกองทัพพม่าโจมตี เพราะหากจะใช้เครื่องบินรบก็ต้องข้ามมาเลี้ยวในน่านฟ้าไทย แต่สงครามครั้งนี้เป็นสงครามที่ใช้โดรนเป็นเครื่องมือสำคัญ ครั้งนี้กองทัพพม่าใช้โดรนแบบกามิกาเซ่คือพุ่งชนเป้าหมายและระเบิดตัวเอง”นักวิเคราะห์ กล่าว