ชาวบังกลาเทศหลายรายตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในเมียนมาโดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน รวมถึงใช้ไทยเป็นข้ออ้างในการหลอกลวงคนมาทำงานให้เครือข่ายสแกมเมอร์ฉ้อโกงเงินออนไลน์ โดยเหยื่อรายหนึ่งซึ่งหลบหนีมาได้ขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายภาคประชาสังคมและหน่วยงานภาครัฐไทย เหยื่อรายนี้ระบุว่ามีชาวบังกลาเทศอีกหลายรายที่ยังติดอยู่ในแหล่งอาชญากรรมในเมียนมา

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ‘อารยัน’ (นามแฝง) หนึ่งในชาวบังกลาเทศที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในพม่า และได้กระโดดลงแม่น้ำเมยเพื่อหนีข้ามฝั่งมาขอความช่วยเหลือจากทางการไทยช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของทางการไทยเพื่อให้ปากคำในฐานะเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ล่าสุดเขาจะถูกส่งตัวกลับประเทศภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน

อารยันให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบว่า ความยากจนและปัญหาเศรษฐกิจในบังกลาเทศเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนบังกลาเทศจำนวนมากพยายามหางานทำในต่างประเทศ หลายคนจึงตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นข้ออ้างในการโฆษณารับสมัครงาน รวมถึงตัวเขาด้วย เขาจึงย้ำว่าถ้ากลับถึงบ้านแล้วจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองเตือนเพื่อนร่วมชาติทุกคนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์เพิ่มอีก

ในส่วนของไทย อารยันกล่าวขอบคุณทุกคนและทุกฝ่ายที่มีบทบาทในการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาสังคมที่คอยประสานกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น แต่เขามีความเห็นว่าถ้าหากการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจของไทยมีความเข้มงวดขึ้นก็อาจช่วยให้การสกัดจับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ผมได้รับความช่วยเหลือจากคนไทย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร เครือข่ายเอ็นจีโอ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีเหยื่ออีกมากที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เหมือนอย่างเพื่อนของผมที่ถูกหลอกว่ามีงานให้ทำที่ไทย พวกเราจึงได้เดินทางมาไทยกัน แต่แล้วก็ถูกส่งตัวไปเมียนมา ซึ่งตอนแรกพวกเราไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่าถูกหลอกเพราะเพิ่งเคยมาไทย และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเทศของเราก็ดีมาก” อารยัน กล่าว

ด้านนอกและด้านในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมืองเมียวดีที่เหยื่อจากหลายชาติถูกกักขังอยู่

ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อารยันได้หลบหนีจากแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ตรงข้ามอำเภอพบพระ จ.ตากและเข้าไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทย โดยเขาได้ขอร้องให้ทางการไทยช่วยเหลือเพื่อนชาวบังคลาเทศที่ยังถูกกักขังอยู่ในแหล่งอาชญากรรมบนฝั่งเมืองเมียวดี ( อ่านรายละเอียดข่าวก่อนหน้านี้ https://transbordernews.in.th/home/?p=40460  )

“กว่าจะข้ามแดนแถวช่องแคบเพื่อข้ามไปฝั่งพม่าได้ พวกผมถูกคนขับรถคุมตัวไว้ และมีด่านตรวจในไทยประมาณ 3 ด่าน แต่เจ้าหน้าที่ของไทยก็ไม่ได้ถามไถ่หรือดูเอกสารอะไรมากมาย พวกผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เพราะเราเพิ่งเคยมาที่นี่ แต่พอข้ามไปฝั่งพม่าจึงได้รู้ว่าพื้นที่ตรงนั้นอันตรายแค่ไหน มีคนจากหลายชาติอยู่ในนั้น มีทั้งคนที่ถูกหลอกมาทำงาน มีเจ้านายที่เป็นเจ้าของบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคน แล้วก็มีกองกำลังที่ถือปืนในมือ เราไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนตามใจได้” อารยันระบุ

หลักฐานที่บ่งชี้ว่าอารยันเป็นเหยื่อค้ามนุษย์คือร่องรอยบาดแผลที่ถูกไฟฟ้าช็อตและถูกทุบตี ทั้งยังมีคำให้การที่สอดคล้องกับข้อมูลของเหยื่อค้ามนุษย์ซึ่งได้รับการช่วยเหลือก่อนหน้า เขาจึงฝากคำขอร้องผ่านสื่อมวลชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) เพื่อส่งไปยังหน่วยงานไทยและผู้นำรัฐบาลไทยให้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากเครือข่ายอาชญากรรมที่แอบอ้างประเทศไทยในการก่อเหตุเหล่านี้

ด้านนอกและด้านในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมืองเมียวดีที่เหยื่อจากหลายชาติถูกกักขังอยู่

“ได้โปรดช่วยพวกเราทุกคนด้วย ทุกคนที่มาไม่มีใครรู้ว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ นายหน้าจัดหางานบอกเราว่านี่เป็นงานในประเทศไทย พวกเราก็เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่ดี พวกเราถึงได้มาที่นี่ ไม่รู้เลยว่าเขาจะส่งเราไปพม่า ผมจึงอยากขอร้องให้ช่วยพวกเราทุกคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนชาติเดียวกับผมหรือคนชาติอื่นก็ตาม” อารยัน กล่าว

อารยันระบุว่าขณะนี้ยังมีพลเมืองจากอีกหลายประเทศตกอยู่ในความควบคุมของแก๊งอาชญากรผิดกฎหมายในเมียวดี มีทั้งชาวปากีสถาน แอฟริกัน โมร็อกโก มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงคนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานของอารยันตอนที่เขายังติดอยู่ที่นั่นด้วย เขาจึงหวังว่าเหยื่อเหล่านั้นจะได้รับการช่วยเหลือออกมาเช่นกัน

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหน่วยงานต่างๆของไทย อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความสนับสนุนด้านการช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติซึ่งใช้ไทยเป็นทางผ่านและเป็นข้ออ้างหลอกลวงคนให้ทำงานผิดกฎหมายในพม่า ล่าสุดเหยื่อชาวลาว 19 คนที่ตกอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดี ยังคงถูกกักขัง และบางรายถูกทรมานหลังจากที่ไม่สามารถทำงานหลอกลวงได้ตามเป้าที่นายจ้างชาวจีนกำหนดไว้

“พวกเราอยากออกจากที่นี่มาก แต่ไม่รู้ทำอย่างไร เพราะเขาคุมเข้มมาก หากหนีออกไปแล้วถูกจับได้ รับรองว่าเราถูกทรมานถึงตายแน่ พวกเราไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว อยากวิงวอนขอให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือพวกเราด้วย เพราะเคยมีคนลาวบางกลุ่มได้รับความช่วยเหลือออกไป เพราะครอบครัวเขาประสานกับทางการไทย” เหยื่อชาวลาวให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบ

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ภายหลังจากที่เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ ได้ทำหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อชาติต่างๆ 110 คนที่ถูกกักขังในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ปรากฏว่ามีสถานเอกอัครราชทูตกว่า 10 ชาติได้ติดต่อมายังเครือข่ายฯ เพื่อขอให้ช่วยประสานความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ที่ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสถานทูตต่างๆ ทำให้ขณะนี้มียอดชาวต่างชาติที่ตกเป็นเหยื่อและขอความช่วยเหลือกว่า 300 คน

“สถานทูตบางแห่งได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังกระทรวงการต่างประเทศของไทย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ และเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาร้องขอไปที่รัฐบาลทหารพม่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน เพราะพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง เขาเชื่อว่าหากกองทัพไทยออกหน้า เชื่อว่าผู้นำกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ต้องยอมปล่อยเหยื่อเหล่านี้แน่ เพราะผู้นำกองกำลังเหล่านี้ต่างต้องพึ่งพาแผ่นดินไทย” แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าว

———-

ด้านนอกและด้านในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมืองเมียวดีที่เหยื่อจากหลายชาติถูกกักขังอยู่

———-

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.