Search

สารพัดข้อข้องใจโครงการสร้างเขื่อนสานะคามกั้นโขง สนทช.จัดเวทีให้ข้อมูลครั้งแรก นักวิชาการเชื่อผลกระทบเกิดแน่-น้ำโขงที่เชียงคานขึ้นลงฉับพลัน 3 เมตร ผู้แทนลาวแจ้งรับฟังเสร็จก่อนถึงคุยเรื่องซื้อไฟฟ้า ขณะที่ชาวบ้านจวกไทยไม่ได้ประโยชน์ทุกวันนี้ไฟฟ้าสำรองล้นแล้ว

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมโรงแรมอุ่นรักริมโขง อ.เชียงคาน จ.เลย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะสำนักงานเลขาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMC) ได้จัดเวทีให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ เขื่อนสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว และห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.เชียงคาน จ.เลย 1.5-2 กม. เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อห่วงกังวลทุกภาคส่วน 8 จังหวัดริมโขง มีผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. เป็นประธาน ร่วมด้วยผู้แทนจากสปป.ลาว บริษัทผู้พัฒนาโครงการ และผู้แทนชาวบ้านจากจังหวัดริมโขง

นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่าเวทีนี้เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อห่วงกังวลกรณีเขื่อนสานะคาม พี่น้องที่อยู่ในเขตพื้นที่จะได้รับผลกระทบหลายจังหวัด จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและผู้ดำเนินการโดยตรง จากสทนช.ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบและความรู้ให้ข้อมูลหลายภาคส่วน ความเห็นของทุกท่านจะนำไปต่อยอดการจะมีหรือไม่มีโครงการเขื่อนสานะคามนี้ หวังว่าจะให้ความเข้าใจอันดีต่อประชาชนทั้ง 2 ฝั่งของลุ่มน้ำโขงทั้งไทยและลาว

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล กล่าวว่าเวทีในวันนี้จะเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการดำเนินการเกี่ยวกับแม่น้ำโขงสายประธานเพื่อจะปรึกษาหารือล่วงหน้าและการแจ้ง (PNPCA) ต้องมีข้อมูลครบถ้วน การสร้างเขื่อนก็จะมีทั้งข้อดีและเสีย ในส่วนเขื่อนสานะคาม เข้าสู่กระบวนการ PNPCA ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่ง MRC ได้พิจารณาข้อมูลและส่งข้อมูลให้ทั้ง 4 ประเทศ โดยข้อมูลไทยยังไม่เพียงพอ ผู้พัฒนาโครงการให้ความร่วมมือในการดำเนินการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งในเวทีนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุด แต่เป็นการเอาข้อมูลมาให้ประชาชนและรับฟังความคิดเห็นและนำไปสรุปใน Reply Form ไปยังสำนักงานเลขาธิการแม่น้ำโขง (MRCS)

นายพอนประเสิด พูละพัน ผู้แทนลาวกล่าวว่ายินดีที่ได้มาให้ข้อมูลโครงการเขื่อนไฟฟ้าสานะคาม Sanakham HPP ตั้งอยู่ห่างชายแดนไทย 2 กม.อยู่ใกล้สกายวอล์ค ถ้ามีการพัฒนาโครงการเขื่อนก็จะได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแน่นอนว่าจะมีทั้งผลดีและผลกระทบ และจะต้องศึกษาว่าจะมีผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อได้รับข้อมูลจากไทยแล้ว ต้องไปทบทวนความเห็นจากประเทศสมาชิก 4 ประเทศ ต้องมีมาตรการเยียวยา ผลประโยชน์จะเกิดขึ้นทั้งสปป.ลาวและไทย

ขณะที่ผู้แทน MRCS นำเสนอว่า เอกสารที่ส่งมายังขาดข้อมูลผลกระทบต่อไทยอย่างไร บริหารจัดการอย่างไร ปี 2564 ได้มีการให้ข้อคิดเห็นต่อรายงานทางเทคนิค (TRR) ไป ไทยยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโดยเฉพาะผลกระทบข้ามพรมแดน ต่อมาไทยและลาวมีการประชุมนอกรอบเฉพาะสองประเทศ และมีผู้เชี่ยวชาญของไทย ต้องการข้อมูล เพราะข้อมูลชุดนั้นเก่า สำรวจเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไม่เป็นปัจจุบัน เช่นหน้าตัดลำน้ำที่สำรวจไว้เมื่อ 20 ปีก่อน และสปป.ลาวได้ดำเนินการส่งรายงานมาเพิ่มเติม และบริษัทที่ปรึกษา CNR ส่งมาให้ โดยเฉพาะข้อมูลอุทกวิทยา ชลศาสตร์ การประมง และไปสำรวจเพิ่มเติม เดิมศึกษาแค่ 2 กม.ท้ายเขื่อน ไทยแจ้งว่าต้องศึกษาให้เพียงพอ สปป.ลาวจึงทำข้อมูลใหม่ ทำงานกับ MRCS ทำแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ส่วนไทยทำกับกรมแผนที่ทหารและกรมแผนที่แห่งชาติลาว

ผู้แทนจาก MRCS กล่าวว่า สานะคามเป็นเขื่อนที่เล็กมาก เหมือนเขื่อนจิงหง (ในมณฑลยูนนาน) เป็นเขื่อนตัวสุดท้ายในลาว ก่อนเข้าประเทศไทยอยู่บริเวณช่วงโค้งของน้ำโขง ทำหน้าที่รับแรงและกระแสน้ำทางเหนือทั้งหมด ผู้พัฒนาต้องใช้เวลาในการปล่อยน้ำที่เหมาะสม หน้าที่ของ MRCS ต้องทบทวนเอกสารกว่าหมื่นหน้า TRR เป็นเอกสารที่สำคัญในการกำกับดูแลในขั้นสุดท้ายอีกทีก่อนจะมีการก่อสร้าง และต้องมีการออกแบบรายละเอียดมากกว่านี้ ประเด็นการปล่อยน้ำแบบเฉียบพลันในการผลิตไฟฟ้าในช่วงน้ำน้อย (hydropeaking) สิ่งที่ไทยกลัวที่สุดคืออาจจะมีการกักน้ำไว้ในเชื่อน 1 ชั่วโมง แล้วมีการผลิตไฟฟ้า ถ้าเขื่อนปิดประตูระบายน้ำจาก 1 ไป 7 ตัว ถ้าน้ำ 500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ปริมาณน้ำเปลี่ยนไปเป็น 3,000 ลบ.ม. ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ทำให้เกิดการผันผวนอย่างรุนแรงมาก และจะกระทบต่อประชาชน ในการทำรายงานฉบับนี้ พบว่าจะกระทบต่อ อ.เชียงคาน

ผู้แทน MRCS นำเสนออีกว่ารายงานการประเมินเพิ่มเติมด้านชลศาสตร์และการเคลื่อนตัวของตะกอน ผู้พัฒนาโครงการรู้ว่าการปล่อยน้ำแบบนั้นจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนแน่นอน เพราะเราอ้างอิงจากกรณีเขื่อนไซยะบุรี มีการศึกษาประมาณ 40 กม. จากที่ตั้งของเขื่อน มีการทำหน้าตัดแม่น้ำโขงทุก 500 เมตร จำนวน 81 จุด มีการเก็บค่าตะกอนอีก 9 จุดตามลำน้ำ เพื่อนำไปวิเคราะห์

“บทสรุปคือ ความผันผวนของระดับน้ำโขงใน 1 วัน ระดับน้ำของเขื่อนสานะคามอาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการทับถมถึง 5 เมตร แต่สิ่งที่เราพูดคือหน้าแล้ง เสถียรภาพของตลิ่งแม่น้ำฝั่งไทย การพังทลายของตลิ่งส่วนใหญ่อยู่ฝั่งไทยมากกว่า ทำให้เห็นว่ามีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งของไทย ไทยเสี่ยงมากกว่า

“ตำแหน่งเขื่อนอยู่ในลาว เวลาระบายน้ำรุนแรงเต็มที่จะไม่เกิน 1 กม. และเขื่อนจะมีการทำอาคารสลายพลังงาน เพื่อลดแรงการปล่อยน้ำลงมา เมื่อห่างจากเขื่อนไปเรื่อย ผลกระทบก็จะน้อยลงมาเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำโขงอย่างรวดเร็ว มีผลมากต่อการเปลี่ยนแปลงของธรณีสัณฐานการเปลี่ยนแปลงของน้ำใต้ดิน ผลกระทบข้ามพรมแดนต่อไทยมีมาก จำเป็นต้องเสนอให้สปป.ลาว โดยเฉพาะการกัดเซาะ แม้ผู้พัฒนาโครงการจะไม่ผลิตไฟฟ้าแบบ hydropeaking และข้อตกลงของการซื้อไฟฟ้าต้องนำไปหารือว่าจะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อประชาชน

“ค่าออกแบบของเขื่อนสานะคามจะต้องควบคุมน้ำได้ประมาณ 3-40,000 ลบ.ม. เหตุการณ์น้ำโขงท่วมปีนี้น้ำ มาก 25,000 ลบ.ม. แต่กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ของลาวจะต้องไปคำนวณค่าน้ำท่วมสูงสุดที่เป็นไปได้ใหม่ ตามระเบียบการออกแบบของเขื่อนชของลาว ปี 2018

“ต้องไปเจรจากับลาวว่า ต้องการระดับความปลอดภัยสูงสุด เพราะเป็นเขื่อนที่มีผลกระทบเยอะมาก การแต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนความปลอดภัยของเขื่อนอิสระ ต้องเร็วที่สุด เพื่อความโปร่งใส ต้องมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเข้ามา ผลกระทบข้ามพรมแดนต้องหารือร่วมกันเรื่องการบริหารจัดการน้ำของเขื่อน การศึกษาและวาแงผนภัยพิภิบัติฉุกเฉิน ระดับน้ำที่ขึ้นลงในแม่น้ำโขงในช่วงหน้าแล้ง อยู่ระดับเฉลี่ย 3 เมตร ที่เชียงคาน ขึ้น 1.50 ลง 1.20 เมตร

ผู้แทน MRCS นำเสนอต่อว่า โครงการเขื่อนสานะคามจะส่งผลต่อคุณภาพน้ำ กระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต้องการออกซิเจนในน้ำ ไข่ปลา ปลาวัยอ่อนที่อาศัยการไหลของน้ำ การเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำส่งผล จะมีการกัดเซาะช่องทางการไหลของน้ำ กระทบต่อการเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำ ส่งผลต่อการอพยพของปลา ที่อพยพหลายรูปแบบ เช่น อพยพไปยังแม่น้ำสายหลักตอนบนและลำน้ำสาขา กระทบต่อแหล่งอาศัยที่สำคัญ คาดว่าผลกระทบจะเกิดในบริเวณโครงการและในลุ่มน้ำโขงตอนใต้ทั้งหมด ส่งผลต่อการจับปลาในภูมิภาค การใช้เครื่องมือหาปลาท้องถิ่นบางชนิดไม่ได้ ปลาใกล้สูญพันธุ์ปลาบึก ปลาเอิน

ผู้แทนนำเสนอว่ามีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมใน จ.เลย จ.หนองคาย พบข้อสรุปว่า ผลการศึกษาพบว่า มีประชากรประมาณ 200,000 คนอาศัยบริเวณใกล้แม่นํ้าโขงในฝั่ง สปป. ลาวและฝั่งไทยในพื้นที่ศึกษา ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของนํ้า ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ ส่งผลกระทบต่อการตั้งถิ่นฐานริมฝั่งแม่นํ้า ผลกระทบด้านลบ ได้แก่ ผลผลิตจากการประมงที่ลดลง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการเดินเรือ ความเสี่ยงจากการกัดเซาะที่มีต่อทรัพย์สิน เช่น ที่ดินและพื้นที่ปลูกผักริมฝั่งแม่นํ้า โอกาสด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การประกอบธุรกิจ และด้านการท่องเที่ยวลดลง

“ความปลอดภัยและความเสี่ยงจากการใช้งานเขื่อน อ.เชียงคานห่างมาเพียง 13 กม.เท่านั้น มีประชากรกว่า 30,000 คน บ้านที่สำคัญคือบ้านเชียงคานใต้มีประชากรมากที่สุด ผลกระทบต่อหาดทรายและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่งการเดินเครื่องผลิตไฟฟาสูงสุด ที่ระดับน้ําลดลง 1.6 เมตร และเพิ่มขึ้น 1.4 เมตร อาจทําใหเกิดความเสียหายต่อการเดินเรือ เครื่องมือประมง กิจกรรมทางน้ํา ทําเกษตรริมฝั่ง และการเลี้ยงปลาในกระชัง 41 หมูบาน ประชากร 27,490 คน

รองศาสตราจารย์ ดร.พีรธร บุณยรัตพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำเสนอทางออนไลน์ว่า โครงการเขื่อนสานะคามสร้างเพื่อผลิตไฟฟ้าขายไฟฟ้าให้ไทย ต้องดูความต้องการและความจำเป็น ว่าเขื่อนนี้ให้ประโยชน์กับใคร ความคุ้มค่าเพื่อพิจารณา แม่น้ำโขงขณะนี้มีหลายโครงการเขื่อน มีผลกระทบสะสมมานานแล้ว มีข้อกังวล การสูญเสีย การสร้างความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจเกิดการเผชิญหน้าและความขัดแย้ง

“สานะคาม ผลกระกระทบแน่ๆ คือการเลี้ยงชีพของชุมชนที่พึ่งพาแม่น้ำโขง การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ซึ่งสำคัญต่อครัวเรือนยากจนที่ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขา มาตรการทางการเงินที่ลดผลกระทบ ดูแล้วไม่เพียงพอ ควรชัดเจนและครอบคลุมปัญหา เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะครบถ้วน รับฟังข้อเรียกร้อง โครงการนี้มีการเร่ง อาจต้องมีกลไกการเฝ้าระวังโดยเฉพาะประเด็นอ่อนไหวในพื้นที่ การจัดการความขัดแย้งและข้อพิพาทหากเกิดโครงการ” นักวิชาการกล่าว

ศ.ดร.ทวนทอง จุฑาเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นำเสนอในที่ประชุมว่า แม่น้ำโขงช่วงที่จะสร้างเขื่อนสานะคาม เป็นรอยต่อ corridor ของพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง ปลาจะสามารถอพยพไปวางไข่ตอนบนได้แค่ไหน ตัววัยอ่อนจะไหลตามน้ำลงมาเติบโตในแหล่งอนุบาลในลำน้ำสาขา หากถูกตัดวงจรก็น่าห่วง เขื่อนสานะคามอยู่บนกอยต่อลุ่มน้ำโขงตอนกลาง ข้อมูลต้องเติมในช่วงรอบต่อของฤดูกาลที่มีผลต่อการอพยพไปวางไข่

“Hydropeaking ที่มีการให้ควบคุมเพื่อลดผลกระทบ แต่รายงานล่าสุดพบว่ามีผลกระทบสืบเนื่อง chronic effect ปลาตามริมตลิ่งไม่สามารถกลับลงสู่แม่น้ำสายหลัก การผันผวนของน้ำย่อมมีผลต่อปลา จะอ่อนแอง อาจเกิดโรค มีปริมาณออกซิเจนในน้ำมากเกินไป มีผลต่อพัฒนาการของปลา hydropeaking ต้องพิจารณาลดผลกระทบ แก่งคุดคู้ มีหน้าที่เติมออกซิเจนให้แม่น้ำโขง เป็นแหล่งอนุบาล เป็นแหล่งกระตุ้นให้ปลาอพยพไปวางไข่ ต้องตระหนักและศึกษาแก่งคุดคู้เพิ่มเติม ซึ่งการศึกษาของ MRCS 2007-2018 โซนที่เป็นที่ตั้งเขื่อนสานะคามมีปลากว่าร้อยชนิดซึ่งต่างจากรายงานของผู้พัฒนาโครงการ ปลาทั้งในบทบาทการเป็นอาหารและบทบาทในนิเวศ ที่สถานีเก็บข้อมูลเชียงคานมีความหนาแน่นและความสมบูรณ์ของพันธุ์ปลา เชียงคานเป็นพื้นที่ประมงที่สำคัญ พันธุปลาที่จับได้หลัก 50 ชนิด กราฟชี้ว่าในมิตืปลาและการประมงเห็นความสมบูรณ์ที่เชียงคาน

“มีข้อกังวลต่อลักษณะเฉพาะของพื้นที่ คือแหล่งพื้นที่อาศัยของปลา ที่สำคัญคือเป็นแนวเชื่อมตอนบนและตอนล่าง หากทางปลาผ่านไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่คาดหวังก็จะส่งผลประทบต่อความสมบูรณ์ของพันธุ์ปลา ใน TRR มีข้อกังวลสูง ซึ่งผลประทบไม่ใช่แค่พื้นที่โครงการเขื่อนแต่ลงไปถึงลุ่มน้ำตอนล่างด้วย” ดร.ทวนทองกล่าว

ดร.ชัยยุทธ สุขศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมน้ำตั้งคำถามทางออนไลน์ว่าตามรายงานการศึกษาของ สปป. ลาวที่ส่งมาครั้งแรกนั้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านท้ายน้ำทำมาเพียงระยะ 700 เมตร เท่านั้น ไม่ได้ทำมาถึงเส้นพรมแดน 2 กม.ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงท้องน้ำและหน้าตัดลำน้ำ ผู้พัฒนาโครงการอ้างว่า “จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ” เนื่องจากบริเวณที่จะสร้างเขื่อนและทางด้านท้ายน้ำ สภาพท้องน้ำเป็น “Bed rock control section” แต่โดยข้อเท็จจริง จากข้อมูลที่ศึกษาไว้เองโดย CNR ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของระบุว่าท้องน้ำในบริเวณนี้เป็น “Thin alluvial section” ซึ่ง susceptible to erosion มีโอกาสที่จะเกิดการกัดเซาะได้

“ตามปกติประโยชน์สำคัญที่ได้จากไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคือสามารถตอบสนองต่อ peak demand (ความต้องการไฟฟ้าสูงสุด) ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในกรณีของสานะคาม ถ้าผู้พัฒนาระบุเองว่าจะไม่ operate เป็น peaking plant เพื่อลดผลกระทบทางด้านท้ายน้ำ ฝ่ายไทยจะยังพิจารณาซื้อไฟจากโครงการหรือไม่” ดร.ชัยยุทธระบุ

ช่วงบ่ายมีการเปิดเวทีให้ผู้เข้าร่วมถาม นายชาญณรงค์ วงลา ผู้แทนกลุ่มประมงพื้นบ้านเชียงคาน จ.เลย กล่าวว่า ดูจากเขื่อนจีน เขื่อนไซยะบุรี ซึ่งภาคประชาชนได้ฟ้องศาลปกครอง ผลเท่าที่ทราบกันแล้วว่าขอบเขตกฎหมายไปไม่ถึง สำหรับเขื่อนสานะคาม เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขื่อน ที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนของเปลือกโลก และร่องน้ำที่จะกระทบจากตลิ่งพังทลาย ต้องเสียงบประมาณแผ่นดินมาแก้ปัญหาตลิ่งพัง หากเกิดปัญหาผู้พัฒนาโครงการจะร่วมรับผิดชอบอย่างไร งบประมาณการทำเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง กม.ละกว่า 150 ล้านบาท อยากให้ใช้งบประมาณไปในเรื่องอื่นที่พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

“การปรับตัวของชุมชน ซึ่งไม่ได้อยากปรับตัวแต่สถานการณ์บีบบังคับ ทั้งความเสียหายของระบบนิเวศแม่น้ำโขงเนื่องจากเขื่อน ที่บ้านเชียงคานเหนือ-ใต้ กลุ่มชาวประมงเคยมีถึง 400 คน ตอนนี้ไม่ถึง 50 คน ข้อมูลปลาแม่น้ำโขง เราเคยเก็บข้อมูลวิจัยไทบ้านชาวบ้านจับปลาได้ไม่น้อยกว่า 115 ชนิด อยากให้การศึกษาของ MRCS มาร่วมกับชาวประมงด้วย และที่สำคัญคือเขื่อนสานะคาม ในฤดูแล้งจะกักเก็บน้ำกี่ชั่วโมงจึงจะผลิตไฟฟ้า ผลกระทบต่อเชียงคานจะเป็นอย่างไร” นายชาญณรงค์ กล่าว

ผู้แทน MRCS การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำโขง 3 เมตร ในฤดูแล้งก็เกิดขึ้นได้สำหรับน้ำเพียง 3,000 ลบ.ม. เช่น กรณีที่น้ำโขง 3,500 ลบ.ม. แล้วเขื่อนเก็บน้ำไว้ รอจังหวะเปิดกังหันน้ำ 7 ตัวพร้อมกัน สมมุติว่าผู้ซื้อไฟยังไม่ต้องการ ก็กั้นน้ำหยุดรอก่อนให้น้ำเต็ม เมื่อผู้ซื้อไฟฟ้าต้องการไฟก็ให้ผลิตไฟฟ้าทันที เป็นเพียงสมมุติ เพราะต้องการให้น้ำเข้าเท่ากับน้ำออก

ผู้เข้าร่วมจากบ้านท่าดีหมี อ.เชียงคาน กล่าวว่าการสร้างเขื่อนสานะคาม ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร ทุกวันนี้ไฟฟ้าก็เกินความต้องการ ประชาชนแบกรับค่า ft ที่มีโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟ คนไทยได้อะไร ขอให้ตอบตรงๆ ช่วยอธิบายแบบชาวบ้านว่าประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรจากการสร้างเขื่อนสานะคามเพื่อผลิตไฟฟ้า เพราะหลายคนต่างห่วงเรื่องผลกระทบต่อประเทศไทย

ผู้แทน กฟผ. ตอบว่าเรื่อง ft ทุกวันนี้กฟผ.รับภาระอยู่ 8 หมื่นกว่าล้านบาท การรับซื้อไฟฟ้าเป็นนโยบายที่สนับสนุนเศรษฐกิจ มีการประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีไฟฟ้าเข้ามาช่วย ไทยมีนโยบายต้องหาเชื้อเพลิงทดแทนฟอสซิล พลังน้ำเป็นพลังงานสะอาด เป็นนโยบายของประเทศ เชื้อเพิงอื่นกำลังหมดไปต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

“การซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนสานะคามยังไม่ถึงขั้นตอนการรับซื้อ เรากำลังหารือเรื่องผลกระทบข้ามพรมแดน ต้องมีคณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน มีหลักเกณฑ์ 8 ข้อ โดยข้อ 2 ระบุชัดว่าต้องผ่านขั้นตอน PNPCA จะซื้อหรือไม่ยังตอบไม่ได้ในตอนนี้” ผู้แทนกฟผ. กล่าว

นายทศพร อนุสรณ์ชัยสิริ บ้านห้วยขอบ จ.เลย เขื่อน run off river ระดับน้ำปกติจากหน้าดินมีเท่าไหร่ ปริมาณน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าเท่าไหร่ น้ำโขงขึ้นลงโดยฉับพลันจะกระชากดินจากริมตลิ่งไปด้วย โดยที่น้ำไม่จำเป็นต้องไหลแรง น้ำนิ่งๆ ก็ดึงได้ ขอให้ตอบคำถามนี้ด้วย

นายมะโนปะพาด พิดสะหมัย ตัวแทนสปป.ลาว กล่าวว่ากรณีทางปลาผ่าน ถ้ามีรายงานอ้างอิงว่า ทางปลาผ่านจะไมสามารถแก้ไขปัญหาได้ ผู้พัฒนาโครงการจะต้องปรับปรุง และกำลังทดลอง และตอนนี้ออกแบบทาทงปลาผ่านธรรมชาติยาว 2 กม. ให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด

“ในขั้นตอนสุดท้ายการซื้อขายไฟฟ้า ปัจจุบันเป้าหมายจะขอให้ผ่านกระบวนการ PNPCA ไปก่อน เป้าหมายจะขายให้ไทยหรือกฟผ.ผลประโยชน์จะได้รับผลประโยชน์จากน้ำ เป็นพลังงานสะอาด ราคาไฟฟ้าถูก การขึ้นลงของน้ำ การเปิดประตูน้ำของขึ้นอยู่กับการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่เขื่อนสานะคาม น้ำมาเท่าไหร่ ผลิตไฟฟ้าเท่านั้น การซื้อขายไฟจะเป็นแบบ based load นิ่ง คงที่มากที่สุด ตามน้ำที่ไหลเข้ามา

“ผู้พัฒนาโครงการขณะนี้คือ ต้าถัง จากจีน และในอนาคตอาจมีการร่วมทุนจากบริษัทอื่นเข้ามาเพิ่ม” ผู้แทนลาวกล่าว

ช่วงท้ายมีคำถามจากออนไลน์เรื่องรายงานและข้อเสนอแนะของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสทนช.กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวยุติแล้วและสทนช.ได้รับคำแนะนำให้ปฏิบัติ สทนช.ได้มีหนังสือถึงสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านน้ำและพลังงาน เพื่อดำเนินการร่วมกัน

อนึ่งการจัดเวทีครั้งนี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการเร่งรัดกระบวนการหรือไม่ เนื่องจากมีการประกาศจัดเวทีเพียง 5 วันล่วงหน้าเท่านั้น นอกจากนี้เอกสารข้อมูลต่างๆ พบว่าเป็นเอกสารเดิมแทบทั้งหมดและเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับข้อมูลสรุปภาษาไทยที่เผยแพร่พบว่ามีการอับโหลดขึ้นเพียง 1-2 วันก่อนเวทีซึ่งไม่เพียงพอให้ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบอ่านทำความเข้าใจและเตรียมตัวเข้าร่วม

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →